การเป็น CPA หรือผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทยนั้น น่าจะเป็นอาชีพที่น้องๆ นักศึกษาด้านบัญชีใฝ่ฝันกันมากที่สุดอาชีพนึงเลยค่ะ ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปตอนที่พี่นุชเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย (นานเท่าไรแล้ว ไม่ขอพูดถึง ฮ่าๆ) อาชีพนี้ก็เป็นอาชีพที่พี่ใฝ่ฝันเช่นกัน เพราะเป็นอาชีพที่ดูมีความท้าทาย ได้พบเจอกับลูกค้าในธุรกิจที่หลากหลาย แถมลายเซนต์รับรองงบการเงินของเราเนี่ยก็น่าจะทำเงินได้ไม่ใช่น้อยเลย
ที่บอกว่าทำเงินได้ไม่ใช่น้อยเพราะว่า ทุกบริษัทต้องโดนตรวจโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตนั่นเอง
แต่ตอนนั้นต้องยอมรับว่า เราไม่ค่อยมีความรู้มากนักว่า การที่จะเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้นั้น เส้นทาง CPA เราต้องมีอะไรบ้าง เตรียมตัวแบบไหน
จนกระทั่งเวลาผ่านไป พี่ได้เป็น CPA ตามที่เคยฝันไว้แล้ว และได้ไปแชร์ประสบการณ์ในงาน Digital Accounting Conference 2024 ที่ FlowAccount จัดขึ้น จึงถือโอกาสนี้มาเขียนเล่าให้ทุกคนฟัง และหวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่เส้นทาง CPA นะคะ

4E1C เส้นทาง CPA มีอะไรบ้าง?
กว่าจะเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะน้องๆ ต้องฝ่าฟันด่านทดสอบอย่างน้อย 5 ด่านไปให้ได้ และด่านทดสอบที่ว่า พี่ขอเรียกย่อๆ ว่า 4E1C นี่ไม่ใช่โค้ดลับ แต่ว่าเป็นโค้ดที่นำไปสู่ความสำเร็จค่ะ ลองมาดูกันเลยว่าแต่ละตัวมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง
1. Education (การศึกษา)
เริ่มต้นสำหรับคนที่อยากเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) นั้น ต้องมีวุฒิการศึกษาตามที่สภาวิชาชีพกำหนด เพื่อขอเข้ารับการทดสอบ CPA ดังต่อไปนี้ค่ะ
- อยู่ระหว่างการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านการบัญชี โดยต้องสอบผ่านตามหลักเกณฑ์ที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
- สำเร็จการศึกษาวิชาการบัญชีไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีหรือวุฒิอื่นเทียบเท่าปริญญาตรีสาขาวิขาการบัญชีที่สภาวิชาชีพบัญชีรับรอง
สังเกตไหมคะว่า Keyword สำคัญของการเริ่มต้นขอเข้าทดสอบ CPA นั้น เราต้องศึกษาด้านบัญชีนะคะ ถ้าใครเรียนคณะอื่น ก็หมดสิทธิ์ และที่สำคัญที่อยากให้ทุกคนเช็กกันดีๆ ก็คือ หลักสูตรการศึกษาด้านบัญชีนั้น ต้องได้รับรองจากสภาวิชาชีพบัญชีด้วยนะเออ
เช็กหลักสูตรที่สภาวิชาชีพบัญชีรับรองได้ที่นี่เลย
2. Examination (การทดสอบ)
ถัดมาเป็นโจทย์หินสำหรับน้องๆ อีกอันนึงเลย ถ้าอยากจะเป็นผู้สอบบัญชีต้องผ่านการทดสอบทั้งสิ้น 6 วิชาค่ะ (สมัยที่พี่สอบยังเป็นแค่ 5 วิชาอยู่เลย ตอนนี้แตกเป็น 6 วิชาแล้ว ฮือ)
แล้วเจ้าแบบทดสอบ 6 วิชานั้นมีอะไรบ้าง ลองมาดูรายละเอียดกันค่ะ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับแบบทดสอบ CPA ที่พี่คิดว่าน้องๆ ต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจ คือ
- การเข้าทดสอบวิชาการสอบบัญชี 1 และวิชาการสอบบัญชี 2 จะต้องมีเวลาฝึกหัดงานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีเวลาฝึกหัดงานรวมกันไม่น้อยกว่า 1,000 ชั่วโมง
- ผู้รับการทดสอบต้องได้คะแนนในแต่ละวิชาไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 จึงจะถือว่าผ่าน
- ผลการทดสอบ CPA แต่ละวิชาเก็บได้นาน 4 ปี โดยจะนับตั้งแต่วันที่ประกาศผลสอบ
ดังนั้น อย่าลืมวางแผนเรื่องการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ฝึกงาน และวางแผนการเข้าทดสอบด้วย เพราะแต่ละวิชาที่สอบผ่านนั้นมีเวลาของมัน หากสอบผ่านแล้วบางวิชาแต่ไม่สอบที่เหลือให้จบ วิชาที่เคยสอบผ่านอาจหมดอายุไปแล้วก็ได้ค่ะ และมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆ หลายคน จนต้องถอดใจไม่ไปต่อกับเส้นทาง CPA เลยล่ะค่ะ
สำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวสอบไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน เตรียมตัวอย่างไร ลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ : เตรียมตัวสอบ CPA ทำอย่างไรให้สำเร็จ?
3.Experience (ประสบการณ์)
นอกจากการทำแบบทดสอบแล้ว ก็ไม่อาจการันตีได้ว่าเราจะเป็นผู้สอบบัญชีได้จริงค่ะ ดังนั้น อีกด่านหนึ่งที่น้องๆ ต้องผ่านให้ได้ก็คือ การฝึกหัดงานด้านการสอบบัญชี ตามเงื่อนไขที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดไว้
ต้องผ่านการฝึกหัดงานด้านการสอบบัญชีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี และมีจำนวนชั่วโมงฝึกหัดงานรวมกันไม่น้อยกว่า 3,000 ชั่วโมง หรือ ฝึกอบรมในหลักสูตรประกาศนียบัตรทางการสอบบัญชีของสภาวิชาชีพบัญชี ตามหลักเกณฑ์
อ้างอิงสภาวิชาชีพบัญชี
ในระหว่างที่ฝึกงาน อย่าลืมทำตามขั้นตอนนี้ให้เรียบร้อยตามนี้ด้วยนะคะ
- ทำรายงานการฝึกหัดงาน (ผส.2) ปีละหนึ่งครั้งนับจากวันยื่นคำขอแจ้งการฝึกหัดงาน โดยให้ยื่นรายงานภายในสองเดือนนับจากวันสิ้นเดือนที่ครบกำหนดในแต่ละปี
- พร้อมด้วยคำรับรองการฝึกหัดงานของผู้ให้การฝึกหัดงาน (ผส.3)
กรณีตรวจสอบ หน่วยงานของรัฐ, สหกรณ์, รัฐวิสาหกิจ, องค์การมหาชน, นิติบุคคลอาคารชุด ต้องแนบ
หน้ารายงานผู้สอบบัญชี ร่วมด้วย

จากประสบการณ์ตรง ขอบอกไว้เลยว่าการฝึกหัดงานสอบบัญชีนั้นจำเป็นสุดๆ เลยค่ะ เพราะว่าเราจะได้ทำงานตรวจสอบบัญชีจริงๆ รู้วิธีการทำงานจากการฝึกปฏิบัติ ซึ่งกว่าจะฝึกงานเก็บชั่วโมงครบ 3,000 ชั่วโมง ป่านนั้นก็รู้ตัวแล้วล่ะว่า เราจะพอหรือไปต่อกับสายงานนี้ ฮ่าๆ
4.Ethic (จรรยาบรรณ)
วุฒิการศึกษา การทดสอบและประสบการณ์ไม่ได้บ่งบอกว่าเราเป็นคนดี เพียงแต่บอกว่าเรามีความชำนาญในสายงาน แต่รู้ไหมคะว่า อาชีพผู้สอบบัญชี CPA นั้นต้องการคนที่มีคุณสมบัติอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจรรยาบรรณ
เนื่องจากว่าเราต้องรับรองงบการเงินให้กับผู้ใช้งบจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น นักลงทุน หรือสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งถ้าหากเราไม่มีจรรยาบรรณ เช่น ไม่มีความอิสระเพียงพอ การให้ความเห็นในหน้างบการเงินอาจเปลี่ยนแปลงไป แล้วก็ทำให้คนใช้งบตัดสินใจผิดพลาด เข้าใจผิดพลาดไปด้วย
ดังนั้น การที่ต้องรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากเลยค่ะ บางประเทศกำหนดให้วิชาจรรยาบรรณเป็นหนึ่งในวิชาที่ต้องสอบให้ผ่านก่อนขึ้นทะเบียน CPA ด้วย แต่สำหรับประเทศไทยจะมีการอบรมเรื่องจรรยาบรรณในวันที่ไปรับใบอนุญาต CPA นั่นเองค่ะ
ถ้าอยากทำความเข้าใจเรื่องจรรยาบรรณเพิ่มเติม ลองไปเรียนรู้กันได้ที่นี่เลยค่ะ
5. CPD: Continuing Professional Development (เก็บชั่วโมงพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง)
การศึกษา ความรู้ ประสบการณ์และจรรยาบรรณ คือสิ่งที่ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สอบบัญชี CPA ได้ค่ะ แต่การที่จะคงไว้ซึ่งการผู้สอบบัญชีได้ตลอดชีวิต ขาดสิ่งนี้ไม่ได้เลย ก็คือ การพัฒนาความรู้ตัวเองอยู่เสมอค่ะ
การเก็บชั่วโมงพัฒนาความรู้ต่อเนื่องนี้ เราเรียกว่า เก็บชั่วโมง CPD สำหรับผู้สอบบัญชี ซึ่งในปัจจุบันเราต้องเก็บชั่วโมงทั้งสิ้น 40 ชั่วโมงต่อปี (เป็นทางการ 20 ชม. และไม่เป็นทางการ 20 ชม.)
ในชั่วโมงทางการ 20 ชั่วโมง แบ่งเป็นวิชาบัญชีหรือสอบบัญชีอย่างน้อย 10 ชั่วโมง และจรรยาบรรณอย่างน้อย 1 ชั่วโมงค่ะ
และถ้าใครอยากทำความเข้าเรื่องการเก็บชั่วโมง CPD มากขึ้น CPD Academy สามารถให้คำแนะนำเรื่องนี้ได้ค่ะ
สรุป

จากที่เล่ามาเส้นทางสู่ CPA นั้นไม่ได้ง่ายเลย กว่าเราจะได้ใบประกอบวิชาชีพนี้มาต้องพิสูจน์ตัวเองหลายๆ อย่าง ไม่ว่าเรื่องความรู้ การศึกษา การทำแบบทดสอบสุดโหด รวมไปถึงการฝึกหัดงานที่ฝึกจริง เหนื่อยจริง เจ็บจริง
แต่รับรองค่ะว่าได้ใบประกอบวิชาชีพผู้สอบบัญชี (CPA) นี้มาแล้ว น้องๆ สามารถนำไปต่อยอดการทำงานในอนาคตได้มากมายเลย แถมยังมีประสบการณ์ทำงานในแบบที่หาที่อื่นไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากเป็น CPA ในอนาคตนะคะ