ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีอีกตัวนึงที่เราต้องทำเป็นประจำทุกเดือนเลยค่ะ สำหรับกิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้แบบภาษีที่ต้องยื่นทุกเดือนสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม เราเรียกว่า แบบ ภ.พ.30 ซึ่งมีความสำคัญมากๆ สำหรับธุรกิจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกภาษีเงินได้อื่นๆ เพราะหากยื่นผิดก็มีค่าปรับมหาศาล และในเมื่อการยื่น ภพ.30 มีความสำคัญอย่างนี้ เรามาดูกันค่ะ หากจะยื่นแบบภพ.30 ให้ถูกต้อง เราต้องเช็คอะไรบ้าง?

เริ่มแรก…เราไปทำความรู้จักกับแบบภพ.30 ก่อนเลย
แบบภพ.30 คือ แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้มีหน้าที่ในการยื่น จะเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด คณะบุคคล หรืออื่นๆตามที่กฏหมายกำหนดรายละเอียดในการกรอก หลักๆจะมี 4 ส่วนค่ะ
- ยอดขายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ภาษีขาย
- ยอดซื้อที่มีสิทธินำมาภาษีซื้อมาคำนวณ
- ภาษีซื้อ
เมื่อนำมาหักลบกันแล้ว จะได้เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ขึ้นอยู่กับว่าภาษีซื้อ หรือว่าภาษีขายจะมากกว่ากันค่ะ
ภาษีขาย มีความหมายว่า กิจการขายสินค้าให้ลูกค้าแต่เก็บภาษี 7% มาไว้ที่กิจการก่อน แล้วค่อยนำส่งกรมสรรพากร เพราะฉะนั้น บัญชีภาษีขาย จึงถือเป็น บัญชีหนี้สินที่กิจการจะต้องจ่ายคืนกรมสรรพากรตามกำหนด
ภาษีซื้อ มีความหมายว่า กิจการซื้อสินค้าในธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้กิจการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มตอนที่ซื้อสินค้าไปก่อนล่วงหน้า เพราะฉะนั้น บัญชีภาษีซื้อ จึงถือเป็น บัญชีสินทรัพย์ที่กิจการจ่ายล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
เมื่อมีทั้งบัญชีสินทรัพย์และหนี้สินกรมสรรพากร ก็ต้องทำการปิดบัญชีของสองหมวดนี้ด้วยนะคะ เพื่อที่เราจะได้ทราบถึงจำนวนเงินที่จะจ่าย หรือเก็บไว้เป็นเครดิตในเดือนัดไป หรืออาจจะทำการขอคืนสรุปคือ
หากภาษีขายมีจำนวนมากกว่าภาษีซื้อ เท่ากับว่า ต้องจ่ายชำระค่าภาษี >> เกิดหนี้สิน
หากภาษีขายมีจำนวนน้อยกว่าภาษีซื้อ เท่ากับว่า ไม่มีค่าภาษีที่ต้องจ่ายชำระ >> มีสินทรัพย์

เมื่อต้องยื่นแบบภพ.30 ต้องเช็คอะไรบ้าง ?
CPD Academy จะพาทุกท่านมาเช็ก 6 ข้อสำคัญนี้ ก่อนยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มกันนะคะ

1. เช็คงบทดลอง
บัญชีที่เกี่ยวข้องที่ต้องโดยตรงกับการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ บัญชีภาษีซื้อ และบัญชีภาษีขาย หากชนยอดบัญชีภาษีซื้อ และบัญชีภาษีขาย กับเอกสารตัวจริง และรายงานภาษีซื้อ ภาษีขายแล้ว ให้ปิดบัญชีภาษีซื้อและภาษีขาย เพื่อที่จะตั้งเจ้าหนี้กรมสรรพากร(ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องจ่าย) หรือเป็นลูกหนี้กรมสรรพากร(ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้เกิน)
อย่าลืมเช็คจำนวนในงบทดลองให้ถูกต้องว่าตรงกับแบบภาษีหรือไม่
2. กระทบยอดรายได้ระหว่างงบทดลอง (TB) และแบบยื่นภ.พ.30
การกระทบยอดรายได้ระหว่างงบทดลอง (TB) และแบบยื่นภพ.30 ว่ามีผลต่างเกิดจากอะไร เนื่องจากสรรพากรอาจสอบถามว่าทำไมรายได้ตามแบบภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภงด50) ที่แสดงใน TB นั้นไม่ตรงกับการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ภพ 30
วิธีการกระทบยอด คือ เช็คว่ารายได้ประกอบด้วย TB กี่บัญชีมีอะไรบ้าง ผลต่างระหว่างรายได้ใน TB กับแบบที่ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดจากอะไร เช่น
- รับเงินมัดจำ ยังไม่รับรู้รายได้ (VAT เกิดแล้ว)
- รายได้ค่าบริการที่ให้บริการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงิน (VAT ยังไม่เกิด)
3. บัญชีภาษีซื้อยังไม่ถึงกำหนด
ภาษีซื้อยังไม่ถึงกำหนดต้องไม่มีรายการซ้ำในรายงานภาษีเดือนปัจจุบันที่กำลังจะยื่น ถ้าหากว่ามีรายการซ้ำ แสดงว่า ไม่ได้ปิดบัญชีภาษีซื้อยังไม่ถึงกำหนด ไปยังบัญชีภาษีซื้อ แต่เป็นการบันทึกเข้าไปใหม่เลย อาจทำให้ค่าใช้จ่ายนั้นๆก็เกิดรายการซ้ำเช่นกันค่ะ
4. ภาษีซื้อต้องห้าม ที่ไม่มีสิทธินำมาใช้ภาษี
ภาษีซื้อต้องห้าม ภาษีซื้อห้ามขอคืน ที่ไม่มีสิทธินำมาใช้เป็นเครดิตภาษีซื้อ เช่น ค่ารับรอง ภาษีซื้อที่ไม่มีใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีไม่สมบูรณ์ เป็นต้น ต้องแยกการบันทึกบัญชีนี้ออกมาต่างหากไม่รวมกับบัญชีภาษีซื้อ

5. กรณีจ่ายชำระค่าบริการต่างประเทศ – ภ.พ.36
แบบภ.พ.36 คือ แบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อได้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ฯ หากมีนำส่งในเดือนก่อนหน้า ให้นำมาใช้สิทธิในเดือนปัจจุบันด้วยนะคะ โดยหลักฐานใบเสร็จการชำระเงินให้สรรพากรนั้นสามารถเอามาใส่ในรายงานภาษีซื้อได้เพื่อขอเครดิตคืนในเดือนถัดไป
โดยการให้นำไปรวมในยอดซื้อและภาษีซื้อใบแบบภพ.30 และอย่าลืมใส่เข้าไปในรายงานภาษีซื้อด้วยนะคะ
6. ตรวจสอบแบบภาษีมูลค่าเพิ่มของเดือนก่อนหน้า
ตรวจสอบแบบภาษีมูลค่าเพิ่มของเดือนก่อนหน้าในการยื่นแบบของเดือนปัจจุบันให้กลับไปดูแบบเดือนก่อนด้วยว่า กิจการมีรูปแบบการชำระภาษีแบบไหน ที่ต้องดูเพราะว่ามีผลต่อแบบยื่นภพ.30 ในเดือนปัจจุบันค่ะ
ให้ตรวจสอบยอดภาษีมูลค่าเพิ่มของเดือนก่อน
ถ้าเดือนก่อนมียอดในช่อง “8.ภาษีที่ต้องชำระ” และกิจการมีใบเสร็จแนบในการชำระเงินแล้ว เคสนี้ไม่มีผลต่อเดือนถัดมาแล้วนะคะแต่ที่จะมีผลก็คือช่อง “9.ภาษีที่ชำระเกินเดือนนี้” หมายถึง กิจการมีภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย ในหัวข้อภาษีสุทธิ ก็จะแสดงในช่อง “12. ชำระเกิน” กิจการก็ยังสามารถเลือกรูปแบบการขอคืนภาษีได้ด้วยนะคะ มี 3 รูปแบบ คืนเงินสด คืนผ่านธนาคาร และขอนำภาษีไปชำระในเดือนถัดไป ซึ่งส่วนใหญ่กิจการที่ดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ก็จะเลือกขอนำภาษีไปชำระในเดือนถัดไปค่ะช่องที่มีผลกับแบบเดือนปัจจุบันอีกหนึ่งช่อง ก็คือ “10.ภาษีชำระเกินยกมา” หมายถึง ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้เกินของเดือนก่อนๆเป็นยอดสะสมกันมานั่นเองค่ะ เพื่อนจะได้ตรวจสอบได้แบบนี้ค่ะช่อง “10.ภาษีที่ชำระเกินยกมา” ของเดือนปัจจุบัน จะเท่ากับ ช่อง “12. ชำระเกิน” ของเดือนก่อนหน้าค่ะ

หรือเพื่อนๆสามารถดูตัวอย่างการยื่น Vat กรอกแบบ ภพ.30 ยังไงดี ดูได้ที่นี่เลยค่า
แบบภ.พ.30 นี้เป็นที่เรายื่นกันเป็นประจำ แต่ก็ที่ต้องให้ความสำคัญเพราะว่า ข้อมูลอาจจะสัมพันธ์กับแบบอื่นๆ หรือรายงานอื่นๆด้วยนะคะ ข้อมูลในแบบนี้จึงต้องกระทบยอดได้ และมีเอกสารตัวจริงที่ถูกต้องแนบประกอบ ถ้าหากตรวจสอบขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบบัญชีหรือว่ากรมสรรพากร นักบัญชีก็ควรมีข้อมูลเตรียมพร้อมให้ตรวจสอบได้เสมอ และช่วยเช็คข้อผิดพลาดในการทำงานด้วยอีกทางค่ะ
อบรมบัญชีเก็บชั่วโมง CPD ออนไลน์ง่ายๆ ได้ที่บ้าน
Line: @cpdacademy