ความรู้บัญชี

งบประมาณการลงทุนคืออะไร มาหาคำตอบกัน

งบประมาณการลงทุนคืออะไร มาหาคำตอบกัน

สำหรับนักบัญชี นานนนนน..ที ที่จะได้วางแผนการลงทุนให้ผู้บริหารนะคะ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในวิธีการบริหารเงินธุรกิจ ถ้าถึงเวลาที่ต้องวางแผนการลงทุน ก็ต้องจัดทำงบประมาณการลงทุนให้ผู้บริหารได้นำไปประกอบการตัดสินใจ ใครที่กำลังเจอปัญหาในการเริ่มต้นวางแผนงบประมาณลงทุน ทาง CPD Academy ได้รวบรวมความรู้ไว้ให้ที่นี่แล้วค่ะ บทความนี้จะพาทุกคนมาเรียนรู้เกี่ยวกับงบประมาณลงทุนคืออะไร เงินทุนมาจากไหน มีต้นทุนอะไรบ้าง ขั้นตอนการทำงบประมาณสำหรับการลงทุนเป็นอย่างไร และวิธีประเมินค่าโครงการลงทุนมีทั้งหมดกี่วิธี มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันนะคะ

งบประมาณการลงทุนคืออะไร ?

งบประมาณการลงทุน คืออะไร?
งบประมาณการลงทุน คืออะไร?

ก่อนจะรู้ว่างบประมาณการลงทุน (Capital Budgeting) คืออะไร จะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจแต่ละคำแยกกันแบบนี้นะคะ

  • งบประมาณ (Budgeting) : การวางแผนงานไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้เงินสำหรับวัตถุประสงค์อะไร จำนวนเท่าไร
  • เงินทุน (Capital) : เงินทุนระยะยาวของธุรกิจ สำหรับการลงุทนเรื่องต่างๆ เช่น ทำสินค้าใหม่, ขยายการผลิต,เปลี่ยนแปลงเครื่องจักรและอุปกรณ์, R&D นวัตกรรมใหม่

โดยสรุปแล้ว คำว่า งบประมาณการการลงทุน คือ การวางแผนล่วงหน้าสำหรับการลงทุนระยะยาว ดังนั้น ธุรกิจต้องใช้เงินค่อนข้างสูงเราจึงต้องศึกษาให้มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วจะต้องคืนทุนในอนาคตแน่นอน

เงินทุนมาจากไหน? มีต้นทุนอะไรบ้าง?

เงินลงทุนของเราควรจะมาจากไหนบ้าง เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นเราแบ่งได้เป็น 2 หมวด คือ

1. หนี้สิน: กู้ยืม มีต้นทุนการกู้ยืม เรียกว่า ดอกเบี้ยจ่าย

2. ส่วนของเจ้าของ

  • ออกหุ้นบุริมสิทธิ มีต้นทุนเงินทุกเรียกว่า เงินปันผล
  • ออกหุ้นสามัญ มีต้นทุนเงินทุกเรียกว่า เงินปันผล และผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิออกเสียง
  • ใช้กำไรสะสม มีต้นทุนค่าเสียโอกาส หรือต้องรักษาอัตราผลตอบแทนต่ำสุดที่ผู้ถือหุ้นต้องการ

เท่านี้ทุกคนก็พอจะทราบแล้วว่าเงินทุนทั้ง 2 ประเภทมีอะไรบ้าง และแต่ละประเภทก็มีค่าใช้จ่ายของมันค่ะ

ขั้นตอนการทำงบประมาณการลงทุน

Slide150 1 - CPD Academy
ขั้นตอนการทำงบประมาณการลงทุน

ถ้าสมมุติว่าเรารู้แล้วว่าเราควรจะเอาเงินมากจากแหล่งไหน ในขั้นตอนถัดไปก็จะเป็นขั้นตอนการจัดทำงบประมาณการลงทุน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าโปรเจกต์นี้เราควรจะตัดสินใจลงทุนหรือไม่ควรจะตัดสินใจลงทุน โดยมี 4 ขั้นตอนหลักๆ คือ

1. รวบรวมโครงการ

ผู้ที่เสนอโครงการลงทุนอาจมาจากฝ่ายต่างๆ เช่น ฝ่ายตลาดต้องการขยายช่องทางตลาด ฝ่ายผลิตต้องการเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น

2. ประมาณการกระแสเงินสด

เงินสดถือเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนของกิจการใดๆ ก็ตามต้องใช้เงินสด เราต้องประมาณการกระแสเงินสดเข้าและออกให้ได้จากแต่ละโครงการลงทุนให้ได้

ตัวอย่าง ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่

กระแสเงินสดออก ปีแรก 10 ล้านบาท

กระแสเงินสดเข้า คาดว่าจะได้รับเงินเข้ามาปีละ 2 ล้านบาท เป็นจำนวน 10 ปี

ทั้งกระแสเงินสดเข้าและออกที่เราประมาณการนี้ ต้องมีสมมติฐานที่รองรับเพียงพอด้วยนะ เช่น มีการเสิร์จหาข้อมูลแล้ว หรือมีข้อมูลจากในอดีตชี้วัดมาบ้าง เพื่อที่จะไปประเมินขั้นตอนถัดไปแม่นยำมากยิ่งขึ้น

3. ประเมินค่าโครงการลงทุน (ด้วยวิธีต่างๆ)

เป็นการนำเอาตัวเลขของกระแสเงินสดสุทธิหรือผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนมาทำการคำนวณโดยการไปหาความสัมพันธ์กับเงินที่ลงทุนไป เพื่อหาผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนต่างๆ

ตัวอย่างวิธีการที่นิยมใช้ประเมินการลงทุน เช่น

  • วิธีอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ย
  • วิธีระยะเวลาคืนทุน
  • วิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ
  • วิธีดัชนีก าไร
  • วิธีอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง

เดี๋ยวเราจะขออธิบายหลังจากนี้ค่ะ

4. ตัดสินใจลงทุน (Yes/No)

กิจการตัดสินว่าจะยอมรับโครงการใดบ้าง ควรจะเลือกโครงการใดจึงจะเหมาะสม การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงการ ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ

  • โครงการซึ่งมีความสัมพันธ์กัน หมายถึง โครงการที่จะต้อง ทำร่วมกัน ความสำเร็จของโครงการหนึ่งขึ้นอยู่กับโครงการหนึ่งถ้าโครงการใดถูกปฏิเสธโครงการอื่นๆ ก็จะดำเนินไปไม่ได้
  • โครงการซึ่งสนองวัตถุประสงค์เดียวกัน เช่น  โครงการติดตั้งระบบควบคุมไฟฟ้าในอาคาร จะเลือกเพียงระบบเดียวที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด และโครงการอื่นๆที่เหลือจะถูกตัดออกไปโดยปริยาย
  • โครงการอิสระ หมายถึง โครงการลงทุนที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน วัตถุประสงค์ของโครงการแตกต่างกัน  การตัดสินใจเลือกโครงการจะใช้พิจารณาจาก Profitability index

การติดตามประเมินผลการตัดสินใจ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการตัดสินใจทุกประเภท เพื่อติดตามผลของการตัดสินใจว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ จะได้หาทางแก้ไขปรับปรุงการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

วิธีประเมินค่าโครงการลงทุน

อย่างที่เล่าไปว่าเราสามารถประเมินค่าโครงการลงทุนได้หลายวิธีด้วยกันค่ะ

  1. วิธีอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ย (Average Rate of Return : ARR)
  2. วิธีระยะเวลาคืนทุน (Payback Period: PB)
  3. วิธีอัตราผลตอบแทนจากโครงการลงทุน (Internal Rate of Return : IRR)
  4. วิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV)
  5. วิธีดัชนีกำไร (Profitability Index: PI)

ในที่นี้จะขอยกตัวอย่าง 2 วิธีที่ไม่ได้ซับซ้อนมาก และนักบัญชีน่าจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ค่ะ

1. วิธีอัตราตอบแทนถัวเฉลี่ย (ARR)

เป็นวิธีเช็คว่าอัตราผลตอบแทนนั้น ได้มากหรือน้อย โดยเทียบกับความต้องการเป็นหลัก

สูตรการคำนวณผลตอบแทนเฉลี่ยมีดังนี้

ARR1 = กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อปี / เงินลงทุนเฉลี่ย x 100

ARR2 = กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อปี / เงินลงทุน x 100

ตัวแปรต่างๆ คำนวณมาดังนี้

กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อปี = ผลรวมกำไรสุทธิตลอดอายุโครงการ / อายุโครงการ

เงินลงทุนเฉลี่ย = เงินลงทุนเริ่มแรก – มูลค่าซาก / 2

เงินลงทุน = เงินลงทุนเริ่มแรก – มูลค่าซาก

** ใช้สูตรใดก็ได้ แต่ต้องใช้สูตรเดียวกันทุกโครงการจึงจะนำมาเปรียบเทียบกันได้

ตัดสินใจลงทุนวิธีอัตราตอบแทนถัวเฉลี่ย (ARR)
ตัดสินใจลงทุนวิธีอัตราตอบแทนถัวเฉลี่ย (ARR)

ตัดสินใจลงทุนวิธีอัตราตอบแทนถัวเฉลี่ย (ARR)

  • ยอมรับโครงการ : ARR > = อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ
  • ปฏิเสธโครงการ : ARR < อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ

2. วิธีระยะเวลาคืนทุน (Payback Period: PB)

วิธีนี้เป็นการคำนวณระยะเวลาในการลงทุนตั้งแต่เริ่มลงทุนจนกระทั่งได้รับเงินลงทุนกลับคืนมาพอดี

สูตรที่ใช้ในการคำนวณคือ

ระยะเวลาคืนทุน (ปี)  = เงินลงทุนเริ่มแรก / เงินสดรับสุทธิต่อปี

ตัดสินใจลงทุนวิธีระยะเวลาคืนทุน (PB)
ตัดสินใจลงทุนวิธีระยะเวลาคืนทุน (PB)

ตัดสินใจลงทุนวิธีระยะเวลาคืนทุน (PB)

  • ยอมรับโครงการ ระยะคืนทุนของโครงการ < ระยะเวลาคืนทุนที่กำหนด
  • ปฏิเสธโครงการ ระยะคืนทุนของโครงการ > ระยะเวลาคืนทุนที่กำหนด

ถ้ามีหลายโครงการ (ทุกโครงการมี PB น้อยกว่าที่กำหนด) ให้เลือกโครงการที่คืนทุนสั้นที่สุด เร็วที่สุด

ตัวอย่างการคำนวณวิธีระยะเวลาคืนทุน

บริษัท CPD Academy จำกัด มีโครงการลงทุนที่ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มแรก 1,200,000 บาท และคาดว่าจะได้รับ เงินสดสุทธิเท่ากันตลอดอายุโครงการปีละ 400,000 บาท เป็นเวลา 5 ปีด้วยกัน  อยากทราบว่าระยะเวลาคืนทุน ของโครงการนี้เป็นเท่าใด

ระยะเวลาคืนทุน (ปี) =เงินลงทุนเริ่มแรก / เงินสดรับสุทธิต่อปี
1,200,000 / 400,000
3 ปี

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่เรายกตัวอย่างขึ้นมาให้เพื่อนๆ ทำความเข้าใจค่ะ ส่วนที่เหลืออีก 3 วิธี จะขออธิบายวิธีตัดสินใจแบบคร่าวๆ ดังนี้

  • สำหรับตัว  IRR หรือว่าอัตราผลตอบแทนจากโครงการลงทุนอันนี้จะเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนที่ต้องการคล้ายๆ กับวิธีที่ 1 แต่วิธีการคิด IRR มันอาจจะซับซ้อนกว่ามันต้องมีการ Discount ต่างๆ เกิดขึ้น
  • วิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV) เราจะยอมรับโครงการก็ต่อเมื่อ NPV > 0 ก็คือยอมรับโครงการแปลว่าเราได้กำไรจากโครงการนี้ถ้าดูจากกระแสเงินสดรับ – กระแสเงินสดออก มาเปรียบเทียบกัน
  • วิธีดัชนีกำไร (Profitability Index: PI) เราจะยอมรับโครงการก็ต่อเมื่อ PI > 1 เราถึงจะยอมรับโครงการ

นี่แหละก็เป็นข้อควรรู้เกี่ยวกับงบประมาณสำหรับการลงทุน ฉบับย่อๆ สำหรับนักบัญชีทุกท่านที่กำลังเริ่มต้นวางแผนงบประมาณสำหรับการลงทุน รับรองว่า เมื่อเข้าใจทั้งหมดในบทความนี้ สามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับการประเมินโครงการที่ผู้บริหารของท่านต้องการลงทุนอย่างแน่นอน นักบัญชีควรที่จะต้องแนะนำผู้บริหารได้อย่างมืออาชีพเพื่อสร้างคุณค่าความเป็นนักบัญชีในตัวเรากันนะคะ

นักบัญชีท่านไหนอยากเรียนรู้เพิ่มเติมสามารถมาอบรมกับเราได้ที่ คอร์สวิธีบริหารเงินธุรกิจที่นักบัญชีควรรู้

ทุกท่านสามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับเรื่องบัญชี – ภาษี บทความอื่นๆ เพิ่มเติมคลิกที่ Link ได้เลยนะคะ

เรียนบัญชีออนไลน์ เก็บชั่วโมง CPD ที่ www.cpdacademy.co

สอบถามได้ที่นี่ Line: @cpdacademy หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า