จะหางานสายบัญชีทั้งทีก็ต้องมีเรื่องที่ควรรู้อยู่ไม่น้อย เพราะด้วยความที่เป็นสายวิชาชีพเฉพาะทาง และมีโอกาสในการเติบโตสูงอีกสายงานหนึ่ง นอกจากให้องค์กรพิจารณาเรซูเม่เราแล้ว เราเองก็ยังต้องพิจารณาองค์กรด้วย เพราะการเข้าทำงานแต่ละครั้ง ไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเราเองจะสามารถทำงานในองค์กรได้นานแค่ไหน จะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและผู้คนได้หรือไม่ การพิจารณาและสืบเสาะหาดูข้อมูลโดยละเอียดจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการทำงานภายในได้ไม่มากก็น้อย
อีกทั้งข้อดีของการศึกษาข้อมูลองค์กรที่เราจะทำการสมัครไปนั้น ยังช่วยให้เราคาดการณ์เรื่องของโบนัส การเลื่อนตำแหน่ง และอัตราเพิ่มเงินเดือนในอนาคตภายภาคหน้าหากเราได้เข้าทำงานด้วย ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องดูอย่างถี่ถ้วน ถึงแม้ว่าเรามีความต้องการอยากได้งานอย่างมากก็ตาม แต่ปัจจัยทางองค์กรเองมีผลต่อระยะเวลาการทำงาน หากอยากทำงานในระยะยาว ควรเสียเวลาพิจารณาข้อมูลก่อน อย่างน้อยๆเราจะมีข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรมากพอ เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์จะทำให้บรรยากาศเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องการตอบคำถามเกี่ยวกับองค์นั่นเอง ซึ่งข้อควรพิจารณามีหลักง่ายๆ ดังนี้
1. รายละเอียดงานต้องระบุชัดเจน
สิ่งแรกที่ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนคือ รายละเอียดของการทำงานทุกด้าน ซึ่งหลายคนมักจะพิจารณาแค่ตำแหน่งและเงินเดือน จนลืมดูข้อมูลอื่นๆที่มักจะเกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ของตนที่พึงจะได้รับ และหน้าที่การทำงานตามความเป็นจริง ซึ่งมีองค์กรมากมายที่ประกาศรับตำแหน่งหนึ่ง แต่เมื่อไปทำงานกลับได้ทำอีกตำแหน่งหนึ่ง รวมไปถึงยังมีงานที่งอกขึ้นมานอกเหนือจากที่ประกาศรับสมัคร ส่วนนี้ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน หากเห็นว่าองค์กรไม่ระบุรายละเอียดที่ชัดเจน แต่สนใจอยากเข้าทำงาน ควรสอบถามไปยังองค์กรโดยตรง ยิ่งงานสายบัญชีแล้วอาจจะพบเจอกรณีงานงอกเพิ่มขึ้นได้ ที่พบบ่อย เช่น พ่วงงานเลขา พ่วงงานผู้จัดการ หรือพ่วงไปกับตำแหน่งอื่นๆของบริษัท ฉะนั้นหากเราต้องการทำงานสายอาชีพตรง ไม่มีความต้องการทำนอกเหนือวิชาชีพ ควรดูรายละเอียดก่อนยื่นใบสมัคร แต่หากรับกรณีเช่นนี้ได้ ควรดูอัตราค่าตอบแทนที่เหมาะสมด้วย ข้อควรพิจารณา มีดังนี้
– ตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ
– ขอบข่ายการทำงาน
– เงินเดือนที่จะได้รับ
– ระยะเวลาช่วงทดลองงาน
– วันและเวลาทำงาน
– ค่าโอที (หากมี)
2. สัญญาและเงื่อนไขการว่าจ้าง
สายบัญชีเป็นอีกสายงานที่มักจะเจอสัญญาจ้าง และเงื่อนไขการว่าจ้างที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ด้วยความที่ต้องทำงานกับเงินและเอกสารสำคัญขององค์กร องค์กรส่วนใหญ่จึงมีเงื่อนไขในการรับเข้าทำงานชัดเจน เช่น ห้ามเปิดเผยข้อมูลบริษัททุกกรณี, หากลาออกห้ามทำงานกับบริษัทคู่แข่งในระยะเวลา 2 ปี , ระยะสัญญาจ้างทำงาน 6เดือน โดยห้ามทำงานให้กับองค์กรอื่นโดยเด็ดขาด เป็นต้น ฉะนั้นเงื่อนไขเหล่านี้ต้องดูให้ดี บางคนอาจจะละเลย เพราะคิดว่าคงเป็นเงื่อนไขทั่วไปในการรับทำงาน แต่หารู้ไม่ว่าแต่ละองค์กรนั้นมีกฎระเบียบ เงื่อนไข และความเข้มงวดที่ต่างกันด้วย การที่จะเข้าไปทำงานแต่ละที่ ควรใส่ใจส่วนนี้ เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์
3. ประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับ
เมื่อเราทำงานให้กับองค์กรอย่างเต็มที่แล้วสิ่งที่ควรได้รับคือ สิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะโบนัส อัตราการขึ้นเงินเดือน เงินค่าโอที เงินเบี้ยเลี้ยง เงื่อนไขการหยุดในกรณีต่างๆ เพราะงานบัญชีมักจะเกินเวลาอยู่บ่อยๆ หากได้รับโอทีในการทำงานล่วงเวลาก็จะทำให้เราคุ้มค่าในการเสียเวลาทำงานมากขึ้น
4. อัตราการเติบโตในสายงาน
ส่วนสำคัญอีกส่วนที่ควรพิจารณาคือ เรื่องการเติบโต แน่นอนว่าทุกคนย่อมอยากเติบโตในสายงานอยู่แล้ว เราเองก็ต้องดูว่าองค์กรที่เราจะสมัครไปนั้น มีอนาคตเป็นไปในทิศทางใด มีการเติบโตต่อเนื่องไหม การตอบรับจากพนักงานเป็นอย่างไร สามารถเช็คข้อมูลได้ทางสื่อโซเชียลมีเดีย บางทีมีทั้งเพจ มีทั้งการเปิดรับสมัครงานตามที่ต่างๆ หรือหากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ก็จะมีคนไปตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ทำงาน ทำให้เราพิจารณาเบื้องต้นได้ เพราะจะมีผู้คนเข้าไปคอมเมนต์ ไปให้ข้อมูลอยู่ แต่ต้องชั่งน้ำหนักข้อมูลให้ดี เพราะบางทีคนที่ให้ข้อมูลอาจจะมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อองค์กรนั้นๆ แน่นอนว่าแต่ละองค์กรไม่สามารถถูกใจพนักงานทุกคนได้ ฉะนั้นให้เปรียบเทียบข้อมูลหลายๆแหล่ง ดูความน่าเชื่อถือ เพราะองค์กรที่เราเลือกทำ จะเข้าไปเป็นหนึ่งในประวัติการทำงานของเราด้วย