ภาษี

ภาษีธุรกิจเฉพาะ สรุปรวมประเด็นที่พบบ่อยตอนปิดบัญชีประจำปี

ภาษีธุรกิจเฉพาะ สรุปรวมประเด็นที่พบบ่อยตอนปิดบัญชีประจำปี

เมื่อปิดบัญชีประจำปีเสร็จสิ้นแล้ว แน่นอนว่าขั้นตอนต่อไปคือการคำนวณภาษี นอกจากที่จะต้องคำนวณภาษีเงินได้แล้ว ก็ยังมีภาษีชนิดอื่นๆอีกให้ต้องคำนึงถึง นั่นก็คือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่บทความนี้จะรวบรวมประเด็นตอนปิดบัญชี ว่าจะต้องดูประเด็นอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง เพื่อที่จะเสียภาษีให้ถูกต้องทุกชนิดนั่นเองค่ะ

ในธุรกิจทั่วไปที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ หากมีการดำเนินการที่เข้าลักษณะรายได้ของภาษีธุรกิจเฉพาะ ก็ต้องนำส่งภาษีตามปกตินะคะ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าใคร ประกอบกิจการประเภทอะไรบ้างที่ต้องนำส่ง ไปดูได้ที่บทความนี้เลยค่ะ: ภาษีธุรกิจเฉพาะ คืออะไร กิจการแบบไหนต้องเสียบ้าง

1. ภาษีธุรกิจเฉพาะ สรุปรายการที่พบบ่อยในกิจการทั่วไป

สำหรับกิจการทั่วไป ที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ประเด็นภาษีธุรกิจเฉพาะที่พบบ่อยๆ ก็คือ รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมกรรมการ ก่อนอื่นเราไปดูลักษณะของบัญชีเงินให้กู้ยืมกรรมการกันก่อนนะคะ

บัญชีเงินให้กู้ยืม หมายถึง กิจการให้กรรมการ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจการ กู้ยืมเงินโดยมีอัตราดอกเบี้ยตามตกลงในสัญญาการกู้ยืมเงิน

ทำไมบัญชีเงินให้กู้ยืมกรรมการ ถึงมาเป็นประเด็นในภาษีธุรกิจเฉพาะ

  • ประเด็นเงินให้กู้ยืมกรรมการ ลักษณะของการให้ผู้อื่นกู้ยืมเงิน ถือเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะค่ะ และรายรับจากดอกเบี้ยของกิจการ คือฐานภาษี ในการใช้คำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะนั่นเอง

2. เงินให้กู้ยืมกรรมการ เกี่ยวข้องกับภาษีธุรกิจเฉพาะยังไง

การให้กู้ยืมเงินแก้กรรมการ หรือบุคคลอื่น เป็นลักษณะการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เมื่อมีเงินต้น ก็ต้องมาคู่กับดอกเบี้ย ในส่วนของดอกเบี้ยรับนี้ก็คือ รายได้ที่ต้องเอามาคำนวณภาษียังไงล่ะ

เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยรับ ต้องระวังอะไรบ้าง

บัญชีเงินให้กู้ยืม ทางบัญชีจะคิดดอกเบี้ยหรือไม่คิดดอกเบี้ยก็ได้ ขึ้นอยู่กับการการตกลงสัญญาระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้

แต่ว่าในทางภาษีนั้น จะมีวิธิคิดที่ซับซ้อนกว่าเพื่ออุดช่องโหว่ทางภาษีต่างๆค่ะ

อย่างที่เราเห็นกันได้ชัดเลย คือ อัตราดอกเบี้ย หากไม่มีเหตุอันสมควร ที่จะคิดราคาต่ำกว่าราคาตลาด เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจตามมาตรา 65 ทวิ หมายความว่า เราอาจจะโดนตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีย้อนหลังนั่นเอง ดังนั้น ทางภาษีหากสัญญากำหนดไว้ว่าไม่มีอัตราดอกเบี้ย อาจทำให้ถูกประเมินเสียภาษีย้อนหลังได้ค่ะ

ทำให้ในทางปฏิบัติ ถ้านักบัญชีพบว่าการให้กู้ยืมเงินนั้น หากไม่ได้กำหนดดอกเบี้ยไว้ เราก็จะพิจารณาจากแหล่งเงินต้นว่ามาจากแหล่งใด และกำหนดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นฐานในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะแทนค่ะ

แต่เรื่องนี้นักบัญชีอย่าลืมแจ้งให้ผู้บริหารรับทราบและอนุมัติ เกี่ยวกับฐานการคำนวณภาษีที่ต้องระวัง 2 ตัวนี้ด้วยน้า
ประเด็นนี้ หากกิจการไหนมีบัญชีเงินให้กู้ยืมต้องระวังไว้เลยค่า

เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยรับต้องระวังอะไรบ้าง
เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยรับต้องระวังอะไรบ้าง

แล้วเจ้าดอกเบี้ยนี้มีวิธีคำนวณยังไงบ้างไปดูหัวข้อถัดไปกันค่ะ

3. ตัวอย่าง การคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ

ตัวอย่างที่ 1 กรณีทำสัญญาเงินกู้ยืม

บริษัท ซีพีดี อะแคดามี่ จำกัด เป็นธุรกิจประเภทบริการ ไม่ได้มีการให้กู้ยืมเงินเป็นประจำ จึงไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่มีหน้าที่ต้องชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นประเภทการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ในการมีรายได้ดอกเบี้ยรับ ให้จ่ายชำระอัตราภาษีร้อยละ 3 ของดอกเบี้ยรับและรายได้ส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 10% ของภาษีที่ต้องจ่ายชำระ เรามาดูตัวอย่างการคำนวณกันค่ะ

บริษัท ซีพีดี อะแคดามี่ จำกัด ให้กรรมการกู้ยืมเงินจำนวน 475,000 บาทโดยคิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปีตามสัญญาที่ระบุไว้ บริษัทจะต้องจ่ายชำระภาษีธุรกิจเฉพาะเท่าไหร่

ตัวอย่างการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ
ตัวอย่างการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ

จากภาพแสดงการคำนวณ แสดงให้เห็นว่า อัตราการจ่ายชำระของภาษีธุรกิจเฉพาะ อยู่ที่ 3.3% โดยแบ่งออกเป็น ร้อยละ 3 ของดอกเบี้ยรับและรายได้ส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 10% ของภาษีที่ต้องจ่ายชำระ รวมยอดภาษีที่ต้องชำระของตัวอย่างนี้เท่ากับ 313.50 บาทค่ะ

ตัวอย่างที่ 2 กรณีไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้ยืม

บริษัท ซีพีดี อะแคดามี่ จำกัด เป็นธุรกิจประเภทบริการ ไม่ได้มีการให้กู้ยืมเงินเป็นประจำ จึงไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่มีหน้าที่ต้องชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นประเภทการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร หากมีรายได้ดอกเบี้ยรับ

บริษัท ซีพีดี อะแคดามี่ จำกัด มีสินทรัพย์รวมจำนวน 5 ล้านบาท มีบัญชีเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ จำนวน 4 ล้านบาท และมีเงินกู้จากสถาบันการเงินที่อัตรา 6.50% ต่อปี บริษัทต้องจ่ายชำระภาษีธุรกิจเฉพาะหรือไม่ เพราะเหตุใด

คำตอบ

ถึงแม้บริษัทไม่ได้จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่เมื่อมีเงินให้กู้ยืม แม้ไม่ได้ทำสัญญาว่าต้องจ่ายดอกเบี้ย ในทางภาษีไม่ยอมแน่นอน เพราะการให้กู้ยืมในอัตราที่ต่ำกว่าตลาดนั้น จะต้องถูกประเมินเป็นรายได้จากการรับดอกเบี้ยเข้ามาค่ะ

เอ้า แล้วทีนี้ เราจะคิดอัตราดอกเบี้ยกันยังไงล่ะ

การเลือกใช้อัตราดอกเบี้ย
การเลือกใช้อัตราดอกเบี้ย

อันดับแรกให้เราดูก่อนเลยค่ะ ว่าแหล่งที่มาของเงินกู้จำนวนมากมาจากอะไร

ถ้าหากมีบัญชีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอยู่เป็นไปได้ว่า เงินให้กู้นั้น มีต้นทุนการกู้ยืมจากสถาบันการเงินอย่างแน่นอน

ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่คำนวณเป็นรายได้ดอกเบี้ยรับ จะต้องไม่ต่ำกว่า 6.50% ต่อปีนั่นเอง

ไปดูตัวอย่างการคำนวณกันค่ะ

ตัวอย่างการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ
ตัวอย่างการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ

จากภาพแสดงการคำนวณ แสดงให้เห็นว่า อัตราการจ่ายชำระของภาษีธุรกิจเฉพาะ อยู่ที่ 3.3% โดยแบ่งออกเป็น ร้อยละ 3 ของดอกเบี้ยรับและรายได้ส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 10% ของภาษีที่ต้องจ่ายชำระ รวมยอดภาษีที่ต้องชำระของตัวอย่างนี้เท่ากับ 8,580 บาทค่ะ

นอกจากตัวอย่างแล้ว ทาง CPD Academy จะพาไปดูเกี่ยวกับข้อหารือของกรมสรรพากรค่ะ มีกรณีเงินให้กู้ยืมเคสไหนบ้าง ที่ถูกหยิบยกมาวินิจฉัยไปแล้วบ้างนะ

  • ข้อหารือกรมสรรพากร

เรามาดูเกี่ยวกับเรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการให้พนักงานของบริษัทในเครือกู้ยืมเงินโดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาด

หัวข้อรายละเอียด
เลขที่หนังสือกค 0811/16254
วันที่28 พฤศจิกายน 2540
ข้อหารือ: บริษัทฯ ซึ่งประกอบธุรกิจหลายประเภทในรูปของบริษัทในเครือ โดยบริษัทแต่ละบริษัทได้ให้
สวัสดิการแก่พนักงานของตนในลักษณะของการให้กู้ยืมเงินจากบริษัทได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าราคาตลาด บริษัทฯ เข้าใจว่าเป็นการให้กู้ยืมเงินโดยมีเหตุอันสมควรตามมาตรา 65 ทวิ (4)แห่งประมวลรัษฎากร และ
    1. ในการให้กู้ยืมเงินดังกล่าวข้างต้นนั้น มีกรณีใดบ้างที่บริษัทต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
แนววินิจฉัย    1. กรณีภาษีธุรกิจเฉพาะ
      1.1 กรณีบริษัทมีระเบียบเกี่ยวกับเงินกองทุนสะสมพนักงานหรือทุนอื่นใดเพื่อพนักงานและบริษัทได้นำเงินกองทุนนี้ออกให้พนักงานที่เป็นสมาชิกกู้ยืมเป็นสวัสดิการโดยมีดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ให้กู้นั้นตามสมควร บริษัทไม่ต้องนำดอกเบี้ยนั้นมารวมเป็นรายรับเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.6/2534 เรื่อง ดอกเบี้ยสำหรับกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ตามมาตรา 91/5(5) แห่งประมวลรัษฎากร
      1.2 กรณีที่บริษัทให้พนักงานกู้ยืมเงินโดยไม่มีระเบียบเกี่ยวกับเงินกองทุนสะสมพนักงานหรือทุนอื่นใดตาม 1.1 หรือกรณีที่บริษัทให้พนักงานของบริษัทในเครือเดียวกันหรือพนักงานของบริษัทอื่นกู้ยืมเงิน ถือเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2(5) แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีที่บริษัทให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีดอกเบี้ยหรือมีดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควรเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจกำหนดดอกเบี้ยตามราคาตลาดได้ ตามมาตรา 91/16(6) แห่งประมวลรัษฎากร
      1.3 กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้น หากบริษัทให้กู้ยืมเงินเป็นครั้งคราว มิใช่การประกอบกิจการเป็นปกติธุระ ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/13(2) แห่งประมวลรัษฎากร และตามข้อ 1(3) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีธุรกิจเฉพาะ เรื่องการกำหนดกิจการที่ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่บริษัทยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร

จากข้อหารือดังกล่าวสรุปได้ว่า หากบริษัทได้ให้เงินกู้ยืม แม้แต่กระทั่งพนักงานในบริษัทเอง หรือว่าบุคคลอื่นๆ ถือเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ หากบริษัทให้กู้ยืมเงินเป็นครั้งคราว ไม่ได้ให้ยืมเป็นปกติ บริษัทไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะค่ะ

ต่อไปเรามาดูตัวอย่างของการกรอกแบบยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะกัน

4. การยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ สรุปกรอกยังไงบ้าง

ตัวอย่างที่ 1 กรณีทำสัญญาเงินกู้ยืม

ตัวอย่างการกรอกแบบยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ
ตัวอย่างการกรอกแบบยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ

เนื่องจากกิจการให้กู้ยืมเงินเป็นครั้งคราว ไม่ได้ให้ยืมเป็นปกติ บริษัทไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ในช่องของประเภทของรายรับ ดอกเบี้ยรับ ให้ใส่เครื่องหมายถูกที่ช่อง ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ด้วยจำนวนเงินของดอกเบี้ยค่ะ

หลังจากนั้นก็คำนวณจากฐาน 9,500 คูณ 3% เท่ากับ 285 บาท
ต้องนำไปเสียรายได้ส่วนท้องถิ่นอีก 10% เท่ากับ 28.50 บาท รวมภาษีที่ต้องชำระทั้งสิ้น 313.50 บาทนั่นเอง

ตัวอย่างที่ 2 กรณีไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้ยืม

ตัวอย่างการกรอกแบบภาษีธุรกิจเฉพาะ
ตัวอย่างการกรอกแบบภาษีธุรกิจเฉพาะ

เนื่องจากกิจการให้กู้ยืมเงินเป็นครั้งคราว ไม่ได้ให้ยืมเป็นปกติ บริษัทไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ในช่องของประเภทของรายรับ ดอกเบี้ยรับ ให้ใส่เครื่องหมายถูกที่ช่อง ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ด้วยจำนวนเงินของดอกเบี้ยค่ะ เช่นเดียวกันกับตัวอย่างที่ 1 เลยค่ะ

หลังจากนั้นก็คำนวณจากฐาน 260,000 คูณ 3% เท่ากับ 7,800 บาท
ต้องนำไปเสียรายได้ส่วนท้องถิ่นอีก 10% เท่ากับ 780 บาท รวมภาษีที่ต้องชำระทั้งสิ้น 8,580 บาทนั่นเอง

การกรอกแบบภาษีธุรกิจเฉพาะ สรุปได้ว่า วิธีการกรอกเหมือนกันเลยค่ะ แต่ว่าตัวเลขหรือที่มาการคำนวณแตกต่างต้องวิเคราะห์ว่าเป็นกรณีที่เหมือนตัวอย่างที่ 1 หรือตัวอย่างที่ 2 เท่านั้นเองค่า

บทสรุป

สำหรับประเด็นภาษีธุรกิจเฉพาะ หากมีบัญชีเงินให้กู้ยืมให้ระวังเรื่องของอัตราดอกเบี้ยก่อนเลยค่ะ ว่าต่ำกว่าราคาตลาดหรือไม่ แหล่งเงินทุนของเงินให้กู้ยืมมาจากที่ไหน แล้วถึงมาคำนวณดอกเบี้ยรับ เพื่อที่จะเป็นฐานในการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะตามตัวอย่างที่เราได้ยกตัวอย่างไปนั่นเอง

ทุกท่านสามารถดูบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีธุรกิจเฉพาะที่กล่าวถึงภาพรวมทั้งหมด ได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ

ประเด็นสำคัญต้องรู้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ สรุปมัดรวมที่นี่ที่เดียว

อบรมบัญชีเก็บชั่วโมง CPD ออนไลน์ง่ายๆ ได้ที่บ้าน

Line: @cpdacademy หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า