ก่อนคิดจะเริ่มยื่นเรซูเม่สมัครงานสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณานอกจากเงินเดือน คือ เรื่องรางเกี่ยวกับองค์กร เพราะนักบัญชีจะเติบโตได้ดี ก็ต่อเมื่อมีองค์กรที่ดีควบคู่กับการพัฒนาตัวเองด้วย ฉะนั้นจึงมีรายละเอียดมากมายที่ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน บ้างเข้าไปทำงานแล้วจะคิดลาออกในเวลาอันรวดเร็วก็อาจจะส่งผลต่อประวัติการทำงานอีกด้วย จะเป็นการดีหากเราเลือกองค์กรที่ดีมีแน้วโน้มจะเติบโตสูง อย่างน้อยเพื่อให้เราทำงานได้นานมากขึ้น มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในสายงานไปพร้อมกับองค์กร
ไม่ใช่เพียงแต่รอให้องค์กรมาเลือกเราเข้าทำงาน เราในฐานะผู้ที่จะต้องเข้าไปทำงานให้องค์กร จำเป็นที่ต้องเลือกด้วยเช่นกัน เพราะการทำงานแต่ละที่มีผลต่อประวัติการทำงาน ประสบการณ์ที่จะได้รับ รวมไปถึงการเติบโตตามเป้าหมายที่คาดหวัง หากมีเวลาว่างในการหาข้อควร ควรทำการบ้านเหล่านี้เอาไว้จะเป็นการดี ข้อมูลที่ควรร่วมพิจารณามีดังนี้
1. องค์กรที่คนออกบ่อย
บริษัทไหนที่คนลาออกบ่อย ไม่มีพนักงานคนเก่าหลงเหลือ สับเปลี่ยนหมุนเวียนเป็น ว่าเล่น ข้อนี้ก็ควรพิจารณาเป็นอย่างแรกเลยว่า องค์กรมีปัญหาอะไรหรือไม่ ถ้าหากเป็นปกติพนักงานจะไม่ได้มีการออกบ่อยจนน่าสงสัยได้ขนาดนี้ สามารถตรวจสอบได้โดยการค้นหาประกาศสมัครงาน หากพบว่ามีการประกาศตำแหน่งเดิมๆบ่อยครั้งภายใน 6 เดือน แสดงว่าส่อเค้ามีปัญหาภายใน และไม่แน่ว่าหากเข้าทำงานแล้วอาจจะไม่ได้รับทำงานหลังจากการโปรโมทก็เป็นได้ ทว่าอาจจะรวมไปถึงการบริหารของระดับผู้บริหารที่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะพาทีมและบุคลากรไปต่อได้
2. องค์กรรูปแบบบอนไซ
บริษัทแบบบอนไซคือ บริษัทที่เลี้ยงเราไว้ไม่ให้โตไปมากกว่านี้เฉกเช่น ต้นบอนไซ ที่ผู้เลี้ยงมักจะคอยตัดแต่ง เล็มกิ่งก้านใบ เพื่อให้ได้ทรง และไม่สามารถมีใบยืดยาวล้ำหน้าได้ สิ่งนี้จะทำให้เราไม่สามารถพัฒนาฝีมือหรือเติบโตได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะถูกปิดกั้นโอกาส ได้ทำแต่งานซ้ำๆเดิมๆ ไม่มีระบบการทำงานตามสมัย ไม่มีการประเมินผลงาน ไม่มีการให้สิทธิประโยชน์ใดๆเพิ่มเติม เพราะองค์กรลักษณะนี้อาจจะแค่เปิดมาเพื่อทำงาน โดยที่ไม่ได้สนใจพนักงานในองค์กรอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะสวัสดิการดีๆ โบนัส การปรับฐานเงินเดือน ก็เสมือนเป็นแค่ความฝัน สิ่งนี้สามารถเช็คและสอบถามกับผู้สัมภาษณ์หรือแผนกบุคคลขององค์กรได้อย่างตรงไปตรงมา ในส่วนของสวัสดิการพื้นฐานและสวัสดิการพิเศษที่องค์กรจะมอบให้ รวมถึงดูสัญญา เงื่อนไขต่างๆก่อนเริ่มทำงานได้ (หากมี) เช็คให้ชัวร์เป็นดีที่สุด
3. องค์กรที่ย่ำอยู่กับที่
บริษัทที่ดูไร้ทิศทาง ก็ส่งผลให้บุคคลากรในองค์กรไร้ทิศทางตามไปด้วย ไม่มีการพัฒนา ไม่มีการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมทางสังคมและโลก นับวันมีแต่ถอยหลัง แน่นอนว่าอนาคตน่าเป็นห่วง อาจจะถึงขั้นไปต่อไม่ได้และปิดตัวลง เราเองก็พลอยเดือดร้อนตกงานตามไปด้วย ฉะนั้นต้องดูว่าบริษัทมีทิศทางการดำเนินการอย่างไร รายได้แต่ละปี วิสัยทัศน์องค์กรและผู้บริหารเป็นอย่างไร ควรพิจารณาร่วมด้วย
4. องค์กรที่เน้นคุยแต่ไม่เน้นลงมือทำ
ปัจจุบันมีหลายองค์กรที่เข้าข่ายในลักษณนี้เพื่อให้ผู้คนเกิดความสนใจ อาจจะมีการประชาสัมพันธ์ตามสื่อ หรือพยายามแสดงข้อมูลในเชิงบวกลงบนโซเชียลมีเดีย แต่ความจริงแล้วพบว่า การทำงานจริงช่างต่างจากการนำเสนอเสียเหลือเกิน ข้อนี้สามารถเช็คได้จากคนรอบตัวหากมีคนเคยทำงานในองค์กรนั้นๆที่เราสนใจ หรือดูตามคอมเม้นต์โซเชียลมีเดียที่หลายคนได้ให้้อมูลไว้ ควรพิจารณาองคืฃ์ประกอบนี้อย่างถี่ถ้วน เพราะผู้คนที่แสดงความคิดเห็นอาจจะแสดงความเห็นเพียงมุมมองเดียว ควรใช้ข้อมูลหลากหลายแหล่งในประกอบการตัดสินใจ
5. องค์กรสัญญาโหด
ข้อนี้ต้องดูให้ดีระวังจะผูกมัดตัวเรา งานสายบัญชีเป็นงานที่พบเจอสัญญาว่าจ้างมากที่สุดอีกสายงานหนึ่ง ด้วยความที่ว่าเป็นงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความสำคัญในองค์กร องค์กรบางที่จึงต้องเซ็นต์สัญญาไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลนั่นเอง รายละเอียดสัญญาต่างๆควรสอบถามตั้งแต่ช่วงสัมภาษณ์งาน หรือหากมีการแจ้งตั้งแต่การเปิดรับสมัครควรวิเคราะห์ พิจารณาให้ดี เพราะไม่แน่ว่าสัญญาอาจจะเป็นตัวที่ปิดกั้นโอกาสการเติบโตของเราก็เป็นได้ แต่ถ้าหากพึงพอใจในสัญญาการตอบรับทำงานก็ถือว่าเป็นไปตามความเหมาะสมตามที่เรารับได้
อบรมบัญชีเก็บชั่วโมง CPD ออนไลน์ง่ายๆ ได้ที่บ้าน
Line: @cpdacademy