นักบัญชีหลายคนอาจจะเป็นได้มากกว่านักบัญชีในองค์กรหรือกิจการ หากเรามีทักษะและมีศักยภาพมากพอที่จะทำให้เจ้าของกิจการเล็งเห็นว่า เราสามารถช่วยและส่งเสริมธุรกิจของเขาให้เติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น และสามารถแบ่งเบาภาระหน้าที่ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาในส่วนของงานบัญชีและกิจการได้อย่างดี เราก็จะกลายเป็นคู่คิดให้กับกิจการนั้นๆของเขาได้ไปโดยปริยาย แต่ก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้น ต้องมีทักษะที่ส่งเสริมให้เราไปถึงเป้าหมายนั้น กับ 3 ทักษะนี้
1. ทักษะการวางแผน
นักบัญชีอย่างเราๆ ไม่ได้มีหน้าที่ทำเอกสารทางการเงิน ทำเอกสารเข้าระบบเพียงอย่างเดียว ถ้าหากคิดว่าอยากจะเป็นคู่คิดให้เจ้าของกิจการแล้วหล่ะก็ ทักษะการวางแผนงานในส่วนต่างๆสำคัญอย่างมาก ทักษะการวางแผนที่เราอยากให้นักบัญชีหลายๆคน เสริมเข้าไปคือ การวางแผนเรื่องงบประมาณ แผนธุรกิจ หรือแม้กระทั่งเอกสารเพื่อขอสินเชื่อต่างๆให้แก่กิจการที่เราทำอยู่ คำแนะนำเรื่องภาษี การวางแผนภาษีให้กับเจ้าของกิจการนั่นเอง ด้วยองค์ความรู้ที่เรามี สามารถแนะนำเจ้าของกิจการด้วยการวางแผนรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีได้ อย่างเช่น แผนประมาณการเรื่องกระแสเงินสดในการหมุนเวียนกิจการ, หากมีการยื่นกู้สินเชื่อเราจะวางแผนร่วมจัดการกับเจ้าของกิจการได้อย่างไร, วางแผนขยายธุรกิจอย่างไรในสถานะการเงินปัจจุบัน วางกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานะการเงิน เป็นต้น นอกจากจะช่วยลดภาระหน้าที่ให้กับเจ้าของกิจการแล้ว ทักษะนี้ยังส่งเสริมให้เรามีความก้าวหน้าทางการทำงานได้
2.ทักษะการคิด วิเคราะห์
ระหว่างการดำเนินกิจการมักจะมีทั้งเรื่องราวดีๆ และเรื่องราวไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย เราในฐานะคนงานด้านการเงินหลังบ้านนั้น ควรเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับเจ้าของกิจการที่ประสบเหตุการณ์ต่างๆในขณะนั้น หากกิจการกำลังไปได้ดี เราสามารถร่วมวิเคราะห์สภาพทางการเงิน และวิเคราะห์ธุรกิจร่วมกับเจ้าของกิจการได้ เช่น เรื่องของแผนการขยายร้าน, แผนการจัดการระบบใหม่ๆในธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการวางระบบเพิ่มรายได้ใหม่ๆ เป็นต้น แต่ถ้าหากเจ้าของกิจการประสบปัญหาทางธุรกิจ เจอวิกฤตที่ไม่คาดคิด หากเรามีความรู้ทางด้านการเงิน การวางแผนทางการเงิน สามารถช่วยเจ้าของกิจการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น และจัดการหาทางออกร่วมกันได้ เช่น การลดต้นทุน, การจัดการต้นทุน, การประนอมหนี้สิน เป็นต้น เพราะผู้ประกอบการบางคนไม่มีข้อมูลและไม่สามารถจัดการด้านการเงินเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากมีนักบัญชีเป็นคู่คิดทางธุรกิจ จะช่วยส่งเสริมกันและกันให้ดียิ่งขึ้นได้
3. ทักษะเรื่องระบบการทำงาน
แน่นอนว่าสายงานบัญชี หากมีระบบการทำงานเข้ามาช่วยแล้ว จะทำให้เราสามารถจัดการงานของเราได้ดียิ่งขึ้น และส่งผลดีต่อธุรกิจ เจ้าของกิจการด้วย
โดยเฉพาะระบบบัญชีที่มีความซับซ้อน และมีเอกสารจำนวนมาก หากไม่มีระบบการจัดการที่ดี อาจจะทำให้เอกสารตกหล่น หรือมีการสูญหายได้ หากเราสามารถจัดการระบบการเงินภายใน หรือระบบการควบคุมเอกสารกิจการได้ด้วยตัวเราเองแล้วล่ะก็ เจ้าของกิจการก็หมดห่วงไปได้เลย
แต่ 3 ทักษะนี้เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น ทุกอย่างล้วนแล้วอยู่ที่ตัวเราเองไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการทำงาน คุณภาพของงาน รวมถึงความซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะงานบัญชีที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขยิ่งต้องสร้างความไว้ใจให้กับเจ้าของกิจการ หากเรามีคุณสมบัติที่ดีทำให้เจ้าของกิจการเล็งเห็น และสามารถสร้างความไว้วางใจได้ รวมถึงมีผลงานที่โดดเด่น การเป็นเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจและความมั่นคงทางสายอาชีพก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน