เคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมหลาย ๆ ธุรกิจที่มีนักบัญชีดี ๆ ช่วยดูแล มักจะบริหารต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า จนมีกำไรเหลือกลับไปลงทุนต่อยอด หรือปรับปรุงกิจการในส่วนอื่น ๆ ได้มากขึ้น? บทความนี้เราจะมาชวนทุกคนมาหาคำตอบกันว่า นักบัญชีช่วยประหยัดต้นทุนให้ธุรกิจได้อย่างไร และมีไอเดียดี ๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ธุรกิจมาฝากนักบัญชีและเจ้าของธุรกิจทุกคนกันค่ะ
ทำไมการลดต้นทุนจึงจำเป็นต่อธุรกิจ?
ในยุคที่การแข่งขันสูงทั้งเรื่องราคา คุณภาพ และการตลาด การลดต้นทุนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน เมื่อเราประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น เงินส่วนนั้นก็สามารถนำไปใช้ในด้านอื่น ๆ ที่ช่วยสร้างผลกำไร หรือเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทได้ เช่น ใช้พัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เสริมกำลังการตลาด หรือดูแลสวัสดิการพนักงานให้ดีขึ้น ยิ่งผู้ประกอบการสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างชาญฉลาด โอกาสในการขยายกิจการหรือสร้างรายได้ก็ยิ่งเปิดกว้างมากขึ้น และที่สำคัญ ยังมีเงินหมุนเวียนเหลือพอจะรับมือกับปัญหาที่อาจคาดไม่ถึงในอนาคตอีกด้วย
เพราะฉะนั้น การไว้ใจให้นักบัญชีเข้ามาช่วยประหยัดต้นทุนธุรกิจจึงเป็นวิธีที่ดีที่อาจมีความสำคัญต่อธุรกิจของตัวเองไม่น้อยเลย โดยนักบัญชีมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ ต้นทุนสินค้าจัดประเภทอย่างไร พร้อมตัวอย่างประกอบ

นักบัญชีมีบทบาทอย่างไรในการประหยัดต้นทุนธุรกิจ?
นักบัญชีไม่ใช่แค่คนคอยบันทึกตัวเลขและจัดทำรายงานส่งสรรพากรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็น “คู่คิด” คนสำคัญของเจ้าของธุรกิจอีกด้วยค่ะ ด้วยความเชี่ยวชาญในเรื่องตัวเลขและข้อมูลทางการเงิน นักบัญชีจึงมองเห็นภาพรวมของต้นทุนในแต่ละส่วนได้ละเอียดกว่าที่คิด เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายแฝง ค่าขนส่ง รวมไปถึงการมองหาโอกาสเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ นักบัญชีจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่ารายการไหน “คุ้มค่า” จริง และรายการไหน “ตัดทอนได้” หรือสามารถย้ายงบประมาณไปลงทุนในส่วนที่สร้างประโยชน์มากกว่าได้
นอกจากนี้ นักบัญชียังช่วยตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในงบการเงินหรือการใช้จ่ายภายในองค์กร หากมองผ่าน ๆ เจ้าของธุรกิจอาจไม่ทันได้สังเกตว่ามีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่สูงเกินจริงหรือลงบัญชีผิดพลาด พอมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเช็ก อย่างจริงจัง ก็จะป้องกันความเสี่ยงด้านการเงินหรือการทุจริตได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
วิธีวิเคราะห์งบกำไรขาดทุนฉบับ นักบัญชี ประหยัดต้นทุน ธุรกิจ
การวิเคราะห์งบกำไรขาดทุนเป็นกระบวนการสำคัญที่ “นักบัญชี ประหยัดต้นทุนธุรกิจ” มักจะหยิบมาใช้งาน เพราะงบนี้จะแสดงรายการรายได้ ต้นทุน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ในที่เดียว ทำให้เจ้าของธุรกิจรู้ได้ว่าแท้จริงแล้ว ธุรกิจมีจุดไหนที่กินเงินไปเยอะโดยไม่จำเป็น หรือจุดไหนควรได้รับการเพิ่มงบเพื่อกระตุ้นยอดขาย เรามี 3 วิธีวิเคราะห์ง่าย ๆ ที่นักบัญชีมักใช้ไกด์ผู้ประกอบการในการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ คือ
1. เปรียบเทียบต้นทุนขายสินค้า
ต้นทุนขายสินค้า เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าแรงในการผลิต หรือแม้แต่ค่าดำเนินการเบื้องต้นอื่น ๆ นั้น ล้วนมีผลเกี่ยวโยงต่อการดำเนินธุรกิจทั้งสิ้น การเช็กต้นทุนส่วนนี้จึงเป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจเห็นว่า แต่ละสินค้าใช้วัตถุดิบไปเท่าไร มีการสั่งซื้อครั้งละมากพอเพื่อได้ส่วนลดไหม หรือเรามีซัพพลายเออร์ที่ให้ราคาที่ดีกว่าเดิมหรือเปล่า บางทีอาจพบว่าต้นทุนส่วนหนึ่งสูงเกินความจำเป็น แค่ปรับสูตรวัตถุดิบหรือเปลี่ยนซัพพลายเออร์ ก็สามารถช่วยประหยัดไปได้ไม่น้อยเลยค่ะ

2. เปรียบเทียบสัดส่วนค่าใช้จ่ายในส่วนการบริหาร
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ-ไฟ ค่าโฆษณา และค่าเดินทาง เป็นอีกส่วนที่นักบัญชีมักจับตามอง เพราะค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจไม่ได้สร้างรายได้โดยตรง แต่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินกิจการ การวิเคราะห์จะดูว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายส่วนนี้เมื่อเทียบกับรายได้ถือว่าคุ้มค่าหรือไม่ บางครั้งการปรับกลยุทธ์การตลาด เปลี่ยนวิธีการทำงานให้ใช้ทรัพยากรน้อยลง หรือเจรจาต่อรองลดค่าเช่า อาจทำให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก แถมยังนำงบส่วนนั้นไปขยายกิจการในช่องทางที่ได้ผลคุ้มค่ามากกว่า

3. ตรวจจับความผิดปกติทางการเงินและแนวทางแก้ไข
นักบัญชีที่ต้องการประหยัดต้นทุนธุรกิจนั้น มักมีสัญชาตญาณและประสบการณ์ในการอ่านตัวเลขการเงินอย่างละเอียด จึงสามารถตรวจจับความผิดปกติได้ไว เช่น มีรายการค่าใช้จ่ายบางอย่างที่พุ่งสูงผิดปกติภายในเวลาสั้น ๆ หรือมีการลงบัญชีซ้ำซ้อน พอเจอปัญหาเหล่านี้ปุ๊บ ก็จะเสนอแนวทางแก้ไขให้ผู้ประกอบการปรับปรุงได้ทันที ทั้งยังลดความเสี่ยงในการโดนทุจริตหรือทำให้บริษัทขาดทุนโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

สรุป
“นักบัญชี ประหยัดต้นทุนธุรกิจ” ไม่ใช่แค่คำกล่าวลอย ๆ แต่เป็นบทบาทที่เกิดขึ้นได้จริงในทุกองค์กรที่ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการตัวเลขและค่าใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ เมื่อธุรกิจมีต้นทุนที่เหมาะสม เราจะมีเงินหมุนเวียนเพื่อไปต่อยอดพัฒนาสินค้า บริการ หรือสวัสดิการต่าง ๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป เพราะฉะนั้น ถ้าทุกคนรู้สึกว่าต้นทุนในบริษัทสูง หรืออยากเพิ่มกำไรให้มากขึ้น ลองปรึกษานักบัญชีในทีมเพื่อร่วมกันวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน รวมถึงตรวจเช็กค่าใช้จ่ายทุกส่วนอย่างละเอียด แล้วทุกคนจะพบว่า “ความร่วมมือกันระหว่างนักบัญชีและเจ้าของธุรกิจ” เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าไปได้แบบมั่นคงและยั่งยืนค่ะ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @cpdacademy