สำหรับเหล่านักบัญชีคนไหน ที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน และอาจจะรู้สึกกังวลว่า “เราจะผ่านโปรทดลองงานไหม?” เพราะงานบัญชีนี่ต้องมีความรับผิดชอบสูง ถ้าเรายังมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ ก็อาจทำให้เป็น “นักบัญชี ไม่ผ่านโปร” ต้องตกรอบการทดลองงาน ไม่ได้ไปต่อโดยปริยายเลยล่ะค่ะ
ในบทความนี้ เราจะพาเพื่อนๆมาดูพฤติกรรมเสี่ยง 5 ข้อ ที่อาจทำให้เราไม่ผ่านโปรการทำงาน แล้วก็มีเคล็ดลับดี ๆ มาแนะนำด้วยค่ะ เผื่อว่าจะช่วยให้เรากลายเป็น นักบัญชีมืออาชีพที่หาตัวจับยากในอนาคตอีกด้วยจ้า
1. ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่
อาชีพนักบัญชีเป็นงานที่ต้องอาศัยความรอบคอบ และความรับผิดชอบสูง การส่งงานล่าช้า หรือผิดพลาดบ่อย ๆ อาจทำให้โดนประเมินว่าเราไม่ใส่ใจในหน้าที่ ทำให้กลายเป็น นักบัญชี ไม่ผ่านโปร ได้
ดังนั้นในการทำงานทุกครั้ง ควรทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าองค์กรคาดหวังอะไรจากเราในตำแหน่งนี้ ตั้งแต่การปิดบัญชีรายเดือนให้ถูกต้อง ไปจนถึงการตรวจสอบเอกสารสำคัญอย่างละเอียด ถ้ารู้สึกไม่แน่ใจในเนื้องาน หรือขอบเขตหน้าที่ อย่ากลัวที่จะถามหัวหน้า หรือผู้จัดการเพื่อความชัดเจนนะคะ ตัวอย่างเช่น หากต้องส่งรายงานภายในวันศุกร์ การส่งตรงเวลาแสดงถึงความใส่ใจ และความเป็นมืออาชีพในหน้าที่
ตัวอย่าง : บริษัทแห่งหนึ่งใน รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เคยเจอปัญหา เมื่อทีมบัญชีไม่ได้อัปเดต หรือติดตามกฎหมายภาษีใหม่ ทำให้ลูกค้าที่พวกเขาดูแลถูกปรับถึง 2 ล้านดอลลาร์ เห็นไหมคะว่าการผิดพลาดในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่อาจทำให้เสียลูกค้า แต่ยังทำลายชื่อเสียงของบริษัท รวมไปถึงอาจทำให้เรากลายเป็น นักบัญชี ไม่ผ่านโปร ด้วยได้
คำแนะนำ : ควรเช็คขอบเขตหน้าที่ให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มงาน และอย่าลืมสอบถามหากไม่เข้าใจ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะพลาดในสิ่งสำคัญ

2. ขาดระเบียบวินัย
การเข้างานสาย หรือส่งงานล่าช้าบ่อยครั้ง อาจทำให้ดูไม่พร้อมสำหรับการทำงานในระยะยาว โดยเฉพาะในสายงานบัญชีที่มักมีเดดไลน์ชัดเจน การส่งงานช้าเพียงหนึ่งครั้ง อาจกระทบทั้งทีม และทำให้ส่งผลต่อการประเมินกลายเป็น นักบัญชี ไม่ผ่านโปร
ตัวอย่าง : สมมติว่าต้องยื่นเอกสารภาษีให้เสร็จก่อนสิ้นเดือน แต่เราส่งล่าช้าเกินกำหนด ทำให้ลูกค้าหรือบริษัทต้องเสียค่าปรับ
คำแนะนำ : เขียน To do list ที่ต้องทำในทุกวัน จัดตารางงานทั้งหมดในทุกสัปดาห์เพื่อให้เห็นภาพรวมของงาน วันที่ต้องส่งทั้งหมด ใช้เครื่องมือ หรือซอฟต์แวร์ในการจัดตาราง เช่น Google Calendar หรือ Notion และให้ความสำคัญกับการส่งงานตรงเวลาเสมอ

3. ไม่พัฒนาตัวเอง ติดอยู่กับการทำงานในรูปแบบเดิม
โลกของการทำบัญชีมีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ซอฟต์แวร์บัญชีหรือการเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษี การไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือไม่พยายามแก้ไขข้อผิดพลาดเดิม อาจทำให้เราตามไม่ทัน และดูเหมือนไม่กระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง
ตัวอย่าง : บริษัทที่เราเข้ามาทำงานนั้นใช้ระบบ ERP แบบใหม่ แต่เรายังคงใช้วิธีเดิมเก็บข้อมูลใน Excel แบบที่เคยทำ เพราะคิดว่า “มันก็ทำได้เหมือนกัน” การไม่พยายามปรับตัวให้เข้ากับระบบของที่ทำงานใหม่แบบนี้ อาจทำให้คุณเสียคะแนนในสายตาของผู้ที่ประเมินได้
คำแนะนำ : เข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับโปรแกรมบัญชี หาความรู้ด้านภาษีจากกรมสรรพากร หรือเข้าร่วมเวิร์กช็อปที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น อบรมเกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์บัญชีใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยลดภาระงาน และเพิ่มประสิทธิภาพงานให้ดีมากยิ่งขึ้น

บทความนี้จะพาคุณไปพบกับ 3 ทักษะสำคัญที่นักบัญชียุคดิจิทัลที่ไม่ควรมองข้าม มาฝากทุกคนกัน จะมีทักษะอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย
4. วางตัวไม่เหมาะสม
ใครว่างานบัญชีจะเน้นแค่ความแม่นยำของตัวเลข เรื่อง “วางตัว” ก็สำคัญไม่แพ้กัน! ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับเพื่อนในทีม หรือการประชุมกับหัวหน้าและลูกค้า ถ้าเรามีท่าทีหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม มันสามารถทำให้บรรยากาศการทำงานตึงเครียด และลดความไว้วางใจที่คนอื่นมีต่อเรา ซึ่งส่งผลต่อการผ่านโปรแน่นอน
ตัวอย่าง : พนักงานบัญชีในฟิลาเดลเฟียเคยสูญเสียลูกค้า เพราะแสดงพฤติกรรมไม่สุภาพ พูดคำหยาบ หรือด่าว่าทีมงานในที่ประชุม
คำแนะนำ : ให้ความสำคัญกับมารยาทพื้นฐาน เช่น การกล่าวขอบคุณหรือขอโทษ และระมัดระวังคำพูดในทุกสถานการณ์ เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร ฝึกการพูดจาเชิงบวก อย่าลืมว่าคำพูดสร้างความรู้สึกดีได้ ลองเปลี่ยนจากการพูดในแง่ลบเป็นแง่บวก เช่น แทนที่จะพูดว่า “แบบนี้มันใช้ไม่ได้” ให้ลองพูดว่า “แนวคิดนี้น่าสนใจนะ แต่เราอาจต้องเพิ่มจุดนี้เพื่อให้รอบคอบขึ้น”
อีกเรื่องที่สำคัญในการทำงานร่วมกับคนหมู่มากเลยคือ ควบคุมอารมณ์ เวลารู้สึกไม่พอใจหรือหงุดหงิด ลองหายใจลึก ๆ แล้วคิดก่อนพูด ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ขอเวลานอกเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนกลับมาคุยอย่างมืออาชีพ

5. ติดโซเชียลมีเดียมากเกินไป
แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การใช้งานระหว่างทำงานนั้นเราอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับสายงานที่ต้องการสมาธิ และความรอบคอบอย่างบัญชี การใช้เวลาระหว่างทำงานไปกับการเลื่อนฟีด หรือตอบข้อความส่วนตัวในเวลางาน สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพงานได้โดยตรง
ตัวอย่าง : บริษัทบัญชีใน รัฐชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยเจอปัญหา พนักงานโพสต์ข้อมูลเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทที่ทำงานบนโซเชียลมีเดีย นั่นทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหาย แม้ข้อความนั้นอาจดูไม่ร้ายแรงในมุมมองของคนโพสต์ แต่เมื่อออกพื้นที่สาธารณะ ก็อาจถูกตีความผิด และนำไปสู่ความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทแบบกรณีนี้ได้ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกรณีตัวอย่างที่ทำให้พนักงานการเงินต้องตกงานเพราะการโพสในโซเซียลมีเดีย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย: The Financial Confessions: “I Lost My Job Over A Social Media Post”
คำแนะนำ : จำกัดเวลาใช้งานโซเชียลมีเดียในช่วงเวลางาน กำหนดเวลาเฉพาะสำหรับการพักเบรก แล้วค่อยใช้เวลานั้นในการเช็กแจ้งเตือน หรือหน้าฟีดแทนที่จะทำในช่วงเวลางาน โดยใช้เทคนิค Pomodoro แบ่งเวลาทำงานและพักอย่างชัดเจน เช่น ทำงานต่อเนื่อง 25 นาที และพัก 5 นาที เพื่อช่วยให้มีสมาธิกับงานมากขึ้น และที่สำคัญหลีกเลี่ยงการโพสต์ หรือแชร์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับองค์กร ก่อนโพสต์ใด ๆ ต้องคิดให้ดีว่าเนื้อหานั้นจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัทไหม

การปรับปรุงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คุณผ่านโปรทดลองงาน แต่ยังช่วยให้คุณสร้างชื่อเสียงในสายงานบัญชีได้อย่างมั่นคง “นักบัญชีไม่ผ่านโปร” อาจฟังดูน่ากลัว แต่การรู้เท่าทันพฤติกรรมของตนเองและปรับปรุงให้เหมาะสม จะช่วยให้เราก้าวหน้า และประสบความสำเร็จในสายงานนี้อย่างแน่นอน!
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @cpdacademy