ผู้ตรวจสอบบัญชี เงินเดือนหลักล้านนั้นมีอยู่จริง และเราอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้ถ้าเข้าใจเคล็ดลับนี้
หากใครคลุกคลีอยู่ในแวดวงออดิทเตอร์ก็จะรู้ดีว่า เหล่า CPA ทั้งหลายเป็นกลุ่มคนที่มีพลังเต็มเปี่ยม มีแรงบันดาลใจ และหลงใหลในงานที่ทำอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบริษัทตรวจสอบบัญชีบางแห่ง จะครองตลาดและทำเงินไปเป็นจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริงนั้น เราอาจมีทางเลือกมากกว่าการทำงานใน Big4 เพื่อให้ได้เงินหลักล้าน อ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายท่านคงสงสัยว่า “แล้วอะไรล่ะคือเคล็ดลับของความสำเร็จของผู้สอบบัญชี??”
ผู้ตรวจสอบบัญชี เงินเดือนเท่าไร
ผู้ตรวจสอบบัญชีในประเทศไทย ถ้าเริ่มทำงานที่ Big4 น่าจะเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 30,000 บาทในปีแรก และต่างประเทศเองก็น่าจะมากกว่าประเทศไทย 2-3 เท่า เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงกว่า
ผู้สอบบัญชีมีโอกาสเงินเดือนก้าวไปสูงถึงหลักล้านได้ ถ้าพวกเค้าได้รับตำแหน่ง Audit Partner หรือว่าหุ้นส่วนสำนักงานตรวจสอบบัญชี และแน่นอนว่าบริษัทที่สามารถจ่ายเงินได้แพงขนาดนั้นก็หนีไม่พ้น Big4 หรือ Audit Firm ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงพอสมควร
แต่ทว่านอกจากการทำงานที่ Big4 แล้ว เราเองยังมีสิทธิ์ตั้งสำนักงานตรวจสอบบัญชีเองได้เช่นกัน ซึ่งถ้ามีความสามารถมากพอก็อาจจะมีเงินเดือนหลักล้านได้ไม่ยาก
จบบัญชีต้องทำงานที่ Big4 เท่านั้นหรือไม่?
ก่อนที่จะไปดูเคล็ดลับผู้สอบบัญชีเงินล้าน เราลองมาดูกันค่ะว่าจบบัญชีแล้วเราต้องทำงานที่ Big4 เท่านั้นความเชื่อนี้จริงไหมนะ
เคล็ดลับผู้สอบบัญชีเงินล้านคืออะไร?
Anthony Glomski ผู้ก่อตั้ง AG Asset Advisory ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า 100% ของผู้สอบบัญชี อาจจะมีเพียงแค่ 20% เท่านั้นที่สามารถสร้างรายได้สูงกว่าเพื่อนๆ และเคล็ดลับสำคัญของพวกเขาเหล่านั้น ก็คือ “การตั้งเป้าหมายที่จะเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้งตลอดชีวิต”
คนเหล่านี้มักจะอ่านหนังสือเป็นจำนวนมาก และหมั่นอัพเดทข้อมูล รวมถึงติดตามข่าวสารที่มีผลต่อวิชาชีพของตัวเอง คนเหล่านี้ยังไม่หยุดท้าทายตนเอง และพร้อมที่จะกระโจนใส่เมื่อมีโอกาสเข้ามาเสมอ
3 เคล็ดลับผู้สอบเงินล้านคืออะไร?

1. ลูกค้าที่มากขึ้นและจำนวนชั่วโมงการทำงานที่มากขึ้น ไม่ควรจะเป็นเป้าหมายในชีวิตการทำงาน
การรับลูกค้าใหม่จำนวนมาก ๆ นั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป แต่ประเด็นสำคัญ คือ การสร้างวิสัยทัศน์กับสิ่งที่คุณต้องการจะเป็น และไม่ใช่แค่การใช้เวลาหลายชั่วโมงหมดไปกับการทำงาน
แต่การทำงานที่ดีควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนตามที่ฝันไว้ เช่น คุณต้องการให้บริการลูกค้ากี่ราย คุณชอบทำอะไรกับลูกค้าของคุณบ้าง คุณต้องการพนักงานกี่คน กำไรของคุณคืออะไร วันทำงานในอุดมคติของคุณเป็นอย่างไร เป็นต้น
ประโยชน์ของการตั้งคำถามเหล่านี้ คือการตั้งเป้าหมายไปสู่อนาคตที่เราสามารถมองย้อนกลับมา ซึ่งคุณอาจจะได้คำตอบหรือแนวทางว่า บริษัทของคุณนั้นจะกลายเป็น “ที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้มากที่สุด สำหรับลูกค้าที่ดีที่สุด โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษากับลูกค้าในจำนวนไม่มาก แต่เป็นกลุ่มลูกค้าที่เราทำงานด้วยแล้วแฮปปี้ที่จะทำ”
แต่ถ้าคุณเกิดได้คำตอบว่า “คุณกลัวแม้กระทั่งจะหยุดงานสองวันเพื่อไปเที่ยวพักผ่อน เพียงเพราะคุณต้องใช้เวลาในการทำงานอีกมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น แสดงว่าการทำงานของคุณมีปัญหาแล้วค่ะ”
2. เป็นผู้ให้คำแนะนำ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นผู้ปฏิบัติ
เช่นเดียวกับทนายความและอาชีพอื่น ๆ ผู้สอบบัญชี มักจะใช้คำศัพท์ที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะและยากต่อการเข้าใจในช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการถามแค่ว่า “แก้ไขปัญหาได้หรือยัง” อย่าลืมว่าลูกค้าไว้วางใจคุณ และคิดว่าคุณมีความสามารถทางเทคนิคและเก่งในสิ่งที่คุณทำ แต่ทว่าลูกค้าไม่ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่คุณทำ เช่นเดียวกันกับอาชีพหมอ หากคุณเพิ่งออกมาจากการผ่าตัดเปิดหัวใจ คุณต้องการฟังรายละเอียดการผ่าตัดหรือไม่ ซึ่งเราเชื่อว่าคำตอบคือไม่ เพราะเราต้องการให้แพทย์บอกว่าการผ่าตัดเรียบร้อยดีก็พอ ซึ่งคุณหมอทั้งหมดต่างก็เข้าใจในความสำคัญตรงนี้ เช่นเดียวกับ เหล่า ผู้สอบบัญชี ที่ทำรายได้สูง ๆ
ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอแนะนำสั้นๆ ว่า เหล่า ผู้สอบบัญชี จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องเข้าใจในตัวลูกค้าและสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เราขอยกตัวอย่าง ผู้สอบบัญชี รายหนึ่งที่ให้คำปรึกษาด้านบัญชีกับครอบครัวหนึ่งที่มีปัญหากับหุ้นที่ราคาตกดิ่ง และอาจทำให้ครอบครัวดังกล่าวล้มละลายได้ โดย ผู้สอบบัญชี รายนี้ได้ทำการศึกษาและสังเกตถึงปัญหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหาก ผู้สอบบัญชี รายนี้ไม่ได้เข้าไปให้คำปรึกษากับครอบครัวดังกล่าว ครอบครัวนี้ก็อาจประสบปัญหาระยะยาวได้ ซึ่งการทำงานของ ผู้สอบบัญชี คนนี้ได้ใช้หลักในการวางแผน ประกอบด้วย
- สังเกตปฏิกิริยาของลูกค้า
- เป็นผู้ให้คำแนะนำที่ช่วยเหลือได้ ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ปฏิบัติ
- นำเสนอถึงตัวอย่างที่เป็นไปได้และคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
3. จากอาชีพ ผู้สอบบัญชี สู่การเป็น CFO ให้ครอบครัว
การจะเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าได้นั้น สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการรู้จักในตัวลูกค้าของเราอย่างถ่องแท้ เช่น ค่านิยม เป้าหมาย และบุคคลที่ลูกค้าเรานั้นให้ความสำคัญมากที่สุดในชีวิต ในส่วนของด้านการเงินนั้น เราอาจจะต้องเรียนรู้ลึกไปถึงเรื่องอื่นๆ รอบตัวของลูกค้าด้วย เช่น รายได้ทั้งหมด แผนการเงินในอนาคตของลูกค้า หรือที่ปรึกษาที่ลูกค้ามีอยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงเหล่านักขายประกันที่ลูกค้าทำการติดต่ออยู่ และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ลูกค้าติดต่อเป็นประจำ เพื่อให้เราเห็นภาพและเข้าใจในตัวลูกค้าอย่างแท้จริง
เมื่อเรามีข้อมูลมากขึ้นเราก็สามารถวิเคราะห์และช่วยเหลือลูกค้าได้มากขึ้น และก็จะอยู่ในสภาวะที่ได้เปรียบในการวางกลยุทธ์ต่าง ๆ เราจะเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีอย่างยิ่งต่อลูกค้าเราอีกทางหนึ่ง
เมื่อตั้งคำถามแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องศึกษาคือ ความสามารถของตัวเราเอง โดยอาจจะนึกถึงความถนัดและสายงานที่เรามีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับงานด้านบัญชีและภาษี และนำความเชี่ยวชาญในสาขาที่เราถนัดมาเติมช่องว่างจากคำถามที่เรามีต่อลูกค้าก่อนหน้านี้ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมีวิทยายุทธในทุกด้านเสมอไป สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือการมีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และสามารถช่วยเหลือคนรอบๆ ตัวของลูกค้าเราได้ด้วย
ที่มากไปกว่านั้น การมี Connection กับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลายๆ ท่านไว้นั้นก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่น้อย เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน การตลาด หรือแม้แต่กระทั่งตัวแทนประกัน การสร้างเครือข่ายกับกลุ่มคนเหล่านี้จะสร้างประโยชน์ได้เป็นอย่างยิ่ง

ท้ายที่สุดแล้ว การเป็นหุ้นส่วน Partner ผู้สอบบัญชีใน Big4 หรือบริษัทใหญ่ๆ อาจจะไม่ใช่เป้าหมายของความสำเร็จเสมอไป ถ้าเราหัดที่จะเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งวางกลยุทธ์เพื่อให้บริการที่มีคุณค่าแก่ลูกค้าแล้วความสำเร็จในวิชาชีพในการสร้างรายได้หลักล้านต่อเดือนนั้นไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม
และสำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังเดินทางอยู่บนเส้นทางการสอบ CPA หรือใครที่อยากรู้จักอาชีพผู้ตรวจสอบบัญชี หวังว่าบทความนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีสำหรับน้องๆ เช่นกันนะคะ
อบรมบัญชีเก็บชั่วโมง CPD ออนไลน์ง่ายๆ ได้ที่บ้าน
สอบถามได้ที่นี่ Line: @cpdacademy หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y