CPD Academy มักได้รับคำถามจากนักบัญชีบ่อยๆ ค่ะ ว่า ค่าบริการหัก ณ ที่จ่ายยังไง จำเป็นต้องหัก ณ ที่จ่ายไหม หรือยอดไม่ถึง 1,000 บาท ทำไมบางคนบอกว่าต้องหัก ณ ที่จ่าย
เดี๋ยววันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน ว่าเวลาจ่ายค่าบริการเราต้องเช็คอะไร หัก ณ ที่จ่ายไหม มีเทคนิคอะไรต้องรู้บ้าง มาดูกันเลย!
การหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาปูพื้นฐานเรื่องการหัก ณ ที่จ่ายกันก่อน บางคนอาจจะรู้จักแบบผิวเผิน ไม่ได้รู้ถึงขั้นรายละเอียดว่าการหัก ณ ที่จ่ายคืออะไร
การหัก ณ ที่จ่าย ชื่อเต็มของเค้า คือ “ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย” เป็นหนึ่งในกฎหมายที่กำหนดโดยสรรพากร กฎหมายที่ว่าเกี่ยวข้องกับหลายมาตราด้วยกัน แต่สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงค่าบริการ ซึ่งจะอ้างอิงข้อกฎหมายจาก มาตรา 3 เตรส และคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เป็นหลัก ที่มีใจความสำคัญว่า
“ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้ มาตรา 40 ซึ่งเข้าเงื่อนไขของการหัก ณ ที่จ่าย ผู้จ่ายเงิน มีหน้าที่หักเงินค่าภาษี และนำส่งต่อกรมสรรพากร”
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528
สำหรับผู้รับเงิน เงินที่ถูกหักไป จะถือเป็นการภาษีจ่ายล่วงหน้า ซึ่งสามารถนำมาหักลบกับการเสียภาษีตอนสิ้นปีได้ ซึ่งผู้รับเงินจะได้รับหลักฐานการหัก ณ ที่จ่าย คือ “หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ”
จ่ายเงินเท่าไหร่ถึงต้องหัก ณ ที่จ่าย
หากพูดถึงเรื่องการหัก ณ ที่จ่าย หลายคนมักจะพุ่งเป้าไปที่ ค่าใช้จ่ายอันนี้หักกี่เปอร์เซ็นต์ (หรือที่เราเรียกว่า อัตราการหัก ณ ที่จ่าย) ซึ่งก็พอเข้าใจได้ค่ะ เนื่องจากอัตราการหัก ณ ที่จ่ายมักจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับมือใหม่ แต่เรามักจะลืมประเด็นสำคัญไปว่า ขั้นต่ำของการหัก ณ ที่จ่ายเป็นเท่าไหร่
สำหรับขั้นต่ำของการหัก ณ ที่จ่ายนั้น อันที่จริงแล้วจะแบ่งออกเป็นหลายประเด็น ซึ่งอยู่คนละข้อกฎหมาย ดังนี้
ข้อกฎหมาย | ประเภทเงินได้ | ขั้นต่ำการหัก ณ ที่จ่าย |
มาตรา 50 | 40 (1) (2) | ตามขั้นบันไดภาษีบุคคลธรรมดา (คำนวณตามภาษีรายปี) |
มาตรา 50 | 40 (3) (4) | ไม่ระบุขั้นต่ำ หักทุกครั้งเมื่อจ่าย |
มาตรา 50 | 40 (5) (6) (7) และ (8)(ภาครัฐเป็นผู้จ่าย) | ขั้นต่ำ 10,000 บาท ต่อ 1 ผู้รับ |
มาตรา 3 เตรส, ท.ป.4/2528 | 40 (5) (6) (7) และ (8) | ขั้นต่ำ 1,000 บาท ต่อ 1 สัญญา |

จ่ายค่าบริการหัก ณ ที่จ่ายขั้นต่ำเท่าไหร่
เราลองมาเจาะลึกกันที่ ค่าบริการหัก ณ ที่จ่ายขั้นต่ำเท่าไหร่ ตามหัวข้อของเราในวันนี้ จากตารางก่อนหน้านี้ เราจะเห็นได้ว่า ค่าบริการจะอยู่ในหมวดของมาตรา 3 เตรส เงินได้ประเภท 40 (8) และหากเราไปดูที่ข้อกฎหมายดีๆ แล้ว
ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 101/2544 ระบุเอาไว้ว่า “การจ่ายเงินได้พึงประเมินที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องมีจำนวนตามสัญญารายหนึ่ง ๆ มีจำนวนตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป แม้การจ่ายนั้นจะได้แบ่งจ่ายครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ถึงหนึ่งพันบาท”
แปลเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย คือ หากค่าบริการ มีสัญญารวมมูลค่าเกินกว่า 1,000 บาท แม้จะแบ่งจ่ายหลายครั้ง มูลค่าไม่ถึง 1,000 บาท แต่สัญญารวมเกิน 1,000 ก็ต้องหัก ณ ที่จ่าย
ดังนั้น เราจึงสรุปได้ว่า ค่าบริการหัก ณ ที่จ่ายขั้นต่ำ ต้องดูว่าเป็นสัญญาระยะยาวที่มูลค่าเกิน 1,000 บาท หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ต้องหัก ณ ที่จ่าย แม้จะจ่ายเงินไม่เกิน 1,000 บาทก็ตาม

ตัวอย่างการคำนวณ ค่าบริการหัก ณ ที่จ่ายอย่างไร
เรามาเพิ่มความเข้าใจกันด้วยตัวอย่างดีกว่า หากใครที่ยังงงอยู่ ว่าค่าบริการหัก ณ ที่จ่ายยังไง ลองมาดูตัวอย่างต่อไปนี้เชื่อว่าน่าจะเข้าใจขึ้นแน่นอน
ตัวอย่างที่ 1 บริษัท A จ่ายค่าบริการล้างรถ ให้กับบริษัทคาร์แคร์แห่งหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 500 ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทอย่างถูกต้อง
>>จากตัวอย่างที่ 1 เป็นค่าบริการจำนวนไม่เกิน 1,000 บาท แบบนี้ชัดเจนว่า ไม่ต้องหัก ณ ที่จ่ายแน่นอน ข้อมูลค่ารวมตอน 1 สัญญา ไม่เกิน 1,000 บาท แม้จะเป็นค่าบริการ แต่ไม่อยู่ในเงื่อนไขต้องหัก ณ ที่จ่าย
ตัวอย่างที่ 2 บริษัท A จ่ายค่าบริการอินเตอร์เน็ต ให้กับบริษัทเครือข่ายโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 600 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
>> จากตัวอย่างที่ 2 เป็นค่าบริการไม่เกิน 1,000 บาท ก็จริง อย่างไรก็ตาม ค่าบริการอินเตอร์เน็ต ถือเป็นสัญญาต่อเนื่อง
เนื่องจาก เราทำสัญญาแค่ 1 ครั้ง และใช้ต่อกันไปเรื่อยๆ ด้วยการต่ออายุรายเดือน แบบนี้เข้าลักษณะ เป็นสัญญาต่อเนื่อง แม้ต่อครั้งจะจ่ายไม่เกิน 1,000 บาท แต่หากรวมเป็นสัญญาระยะยาว มูลค่าจะเกิน 1,000 บาททันที
ดังนั้น บริษัทต้องหัก ณ ที่จ่าย เมื่อมีการจ่าย โดยคำนวณจาก 600*3% = 18 บาท และนำส่งสรรพากร ด้วย ภ.ง.ด. 53
Tips ง่ายๆ ไม่ต้องวุ่นวาย สำหรับ WHT ค่าบริการสัญญาระยะยาว
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะบอกว่า พอดูในกระดาษแล้วมันก็ดูง่ายดี แต่พอเอามาใช้ในชีวิตจริงเท่านั้นแหละ โอ้โห! ปวดหัวขึ้นมาทันทีเลย อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด
ดังนั้นจากตัวอย่างทั้งหมดที่เราได้กล่าวมา เกี่ยวกับสัญญาระยะยาว ก็พอจะรวบออกมาเป็น Tips ง่ายๆ ได้ 2 ข้อ ดังนี้
1.หากรู้แน่ๆ ว่าต้องจ่ายเกิน 1,000 บาท ก็หัก ณ ที่จ่ายไว้ก่อนเลย เพราะว่าหากเป็นสัญญา ที่เราต้องจ่ายกันระยะยาวเกิน 1,000 บาท ตอนเราจ่ายเกิน 1,000 บาท(กรณีก่อนหน้านี้ไม่เคยหัก) เราต้องหัก ณ ที่จ่ายจากยอดที่เราจ่ายไปทั้งหมด ดังนั้น เมื่อรู้แน่ๆ ว่าต้องจ่ายเกิน 1,000 บาท จึงควรหัก ณ ที่จ่ายไว้ก่อนจะง่ายที่สุด
หรืออีกกรณีนึง ถ้าเป็นค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรืออินเตอร์เน็ต เดี๋ยวนี้เราสามารถแต่งตั้งให้ผู้ให้บริการเป็นตัวแทนในการนำส่งหัก ณ ที่จ่ายให้ได้นะคะ โดยเราจ่ายเงินเต็มแล้วผู้รับเงินก็นำส่งเงินดังกล่าวให้สรรพากรเอง แบบนี้ง่ายและสะดวกมากๆ เลย
ถ้าใครสนใจ ลองศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยจ้า
2. ค่าบริการที่ไม่เกิน 1,000 บาท อ่านแยกสัญญาได้ ไม่ต้องหัก ณ ที่จ่าย หากมีงานหลายประเภท ซึ่งแต่ละงานไม่ได้เกี่ยวข้องกัน คนละประเภทกัน ควรแยกสัญญาออกจากกัน หากไม่เกิน 1,000 บาท ก็ไม่ต้องหัก ณ ที่จ่าย
นอกเหนือจาก 2 กรณีนี้ คือ ไม่ใช่สัญญาระยะยาว ไม่เกิน 1,000 บาท ก็ไม่ต้องหัก ณ ที่จ่าย หากเกิน 1,000 บาท ต้องหัก ณ ที่จ่าย

สรุป
การหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าบริการที่ทั้งผู้ประกอบการและนักบัญชีต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ประเด็นสำคัญสำหรับค่าบริการหัก ณ ที่จ่าย คือ 1)เกินมูลค่า 1,000 บาทหรือเปล่า หากเกิน ต้องหัก ณ ที่จ่ายแน่นอน 2)หากไม่เกิน 1,000 บาท ต้องมองว่าเป็นสัญญาระยะยาวหรือเปล่า หากใช่ ก็ต้องหัก ณ ที่จ่ายเช่นกัน
และสำหรับใครที่อยากเข้าใจเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเติมเก็บ CPD ได้ด้วย แนะนำลงเรียนคอร์สนี้ได้เลยค่า: ภาษีหัก ณ ที่จ่ายคำนวณและบันทึกบัญชีอย่างไร ?
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @cpdacademy
อ้างอิง