ภาษี

ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) คืออะไร ต่างกับผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) อย่างไร

ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) คืออะไร

ใครที่ทำงานในแวดวงบัญชีอาจจะเคยได้ยินคำว่าผู้ตรวจสอบบัญชีภาษีอากร TA ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองงบการเงินค่ะ แต่เคยสงสัยมั้ยว่า TA นั้นสามารถตรวจสอบงบการเงินอะไรได้บ้าง และต่างกับ CPA หรือไม่ อย่างไร

ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้สอบบัญชีภาษีอากรไปพร้อมๆ กันค่ะ

ผู้สอบบัญชีมีกี่ประเภท?

ผู้สอบบัญชี หมายถึง ผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของกิจการว่ามีความน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะนำส่งกับหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้น ผู้สอบบัญชีจึงเป็นผู้ที่ตรวจการทำงานของผู้ทำบัญชีและต้องมีอิสระจากกิจการด้วย

ในประเทศไทยมีผู้สอบบัญชีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่

  1. ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีภาษีอากร (TA : Tax Audittor) คือ ผู้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีภาษีจากอธิบดีกรมสรรพากร
  2. ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต (CPA : Certified Public Accountant) คือ ผู้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี

ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) ต่างกับผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) อย่างไร?

เราพอจะทราบคร่าวๆ แล้วว่าทั้ง TA และ CPA นั้นเป็นผู้สอบบัญชีเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 ใบอนุญาตนั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างชัดเจน แบ่งเป็นทั้งหมด 4 เรื่องดังต่อไปนี้

1. การขึ้นทะเบียน

TA: ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากร ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.98/2544ฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องผ่านการทดสอบ 3 วิชา คือ
1. วิชาการบัญชี 
2. วิชาการสอบบัญชี 
3. วิชาความรู้เกี่ยวกับประมวลรัษฎากร และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย

CPA: ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพ พ.ศ.2547 ซึ่งกำหนดให้ต้องผ่านการทดสอบ CPA 6 วิชา และมีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 3,000 ชั่วโมง

ทั้ง 6 วิชาที่ต้องสอบให้ผ่านสำหรับ CPA ประกอบด้วย

  • วิชาการบัญชี 1
  • วิชาการบัญชี 2
  • วิชาการสอบบัญชี 1
  • วิชาการสอบบัญชี 2
  • วิชากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพสอบบัญชี 1
  • วิชากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพสอบบัญชี 2

2. การตรวจสอบงบการเงิน

TA: ตรวจสอบและรับรองบัญชีได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก ที่เข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • ทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวมไม่เกิน30 ล้านบาท และ
  • รายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท

CPA: ตรวจสอบและรับรองบัญชีบริษัท และห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร

นั่นก็หมายความว่า TA จะตรวจสอบงบขนาดเล็กเท่านั้น แต่ในส่วนของ CPA สามารถตรวจสอบงบการเงินบริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ทุกงบค่ะ

3. วิธีการทำงาน

TA: ปฎิบัติงานตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.122/2545ฯ สำหรับการตรวจสอบและรับรองบัญชีห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก

CPA: แบ่งออกเป็น 2 ส่วนขึ้นอยู่กับว่าตรวจสอบงบการเงินขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก

  1. งบการเงินขนาดเล็ก – ปฎิบัติงานตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.122/2545ฯ สำหรับการตรวจสอบและรับรองบัญชีห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก
  2. งบการเงินขนาดใหญ่ – ปฏิบัติงานตามมาตรฐานการตรวจสอบบัญชีที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดไว้

ทั้งนี้ ทั้งผู้สอบบัญชีภาษีอากร TA และ CPA เองต้องรายงานรายชื่อธุรกิจที่ตรวจสอบ และลงลายมือให้ครบถ้วนเป็นประจำทุกปีต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย

4. หน้ารายงานการตรวจสอบ

TA:   ต้องจัดทำหน้ารายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี ตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดไว้ในคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.122/2545ฯ

ตัวอย่างหน้ารายงานผู้สอบบัญชี TA เป็นดังนี้

ตัวอย่างหน้ารายงานผู้สอบบัญชีภาษีอากร TA
ตัวอย่างหน้ารายงานผู้สอบบัญชีภาษีอากร TA

CPA:  แบ่งออกเป็น 2 ส่วนขึ้นอยู่กับว่าตรวจสอบงบการเงินขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก

  1. งบการเงินขนาดเล็ก – ทำหน้ารายงานการตรวจสอบตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.122/2545ฯ สำหรับการตรวจสอบและรับรองบัญชีห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก
  2. งบการเงินขนาดใหญ่ – ทำหน้ารายงานการตรวจสอบมาตรฐานการตรวจสอบบัญชีที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดไว้

ตัวอย่างหน้ารายงานผู้สอบบัญชี CPA สำหรับกิจการขนาดใหญ่ เป็นดังนี้

ตัวอย่างหน้ารายงานผู้สอบบัญชี CPA
ตัวอย่างหน้ารายงานผู้สอบบัญชี CPA

โดยสรุปแล้ว ทั้งผู้ตรวจสอบแบบ TA และ CPA มีความแตกต่างกัน 4 ข้อหลักๆ ซึ่งทั้งนักบัญชีเอง และเจ้าของธุรกิจต้องทำความเข้าใจ เพื่อที่ว่าจะได้สรรหาผู้สอบบัญชีที่มีความรู้ความสามารถมาตรวจสอบงบการเงินให้เราค่ะ

Template Square แนวตั้ง 1 - CPD Academy

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า