เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าเช็คทุกใบใช่เงินสดหรือเปล่า หรือเงินฝากทุกบัญชีเนี่ยถือเป็นเงินสดมั้ย
ในชีวิตประจำวันเรามักมีรายการที่ต้องตัดสินใจอยู่เสมอค่ะ ว่าจะให้รายการเหล่านี้เป็น “เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด” ดีมั้ยในงบการเงิน
ฉะนั้น ในวันนี้เราจึงรวบรวมคำศัพท์ 4 คำที่ทำให้นักบัญชีเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ และวิธีการตัดสินใจว่ามันคืออะไรในงบการเงินมาให้ทุกคนเรียนรู้กัน
4 คำศัพท์ต้องรู้
1. เช็ค
เช็ค เป็นตัวแทนเงินสด ที่เจ้าของเช็คต้องมีบัญชีกระแสรายวันกับธนาคาร และคนได้รับเช็คใบนั้นสามารถนำไปยื่นกับธนาคารเพื่อเบิกเป็นเงินสด หรือนำเงินเข้าบัญชีธนาคารได้
สิ่งที่ต้องสังเกตเกี่ยวกับเช็ค คือ วันที่สั่งจ่าย
- เช็คถึงกำหนดชำระแล้ว = วันที่ในเช็คจะเป็นวันที่อดีตหรือปัจจุบัน แปลว่า ผู้รับเช็คเอาไปขึ้นเงินได้ทันที รายการนี้ ถือเป็น “เงินสด” ของกิจการ
- เช็คยังไม่ถึงกำหนดชำระ = วันที่ในเช็คเป็นวันที่ในอนาคต ที่เรามักได้ยินบ่อยๆว่า “เช็คลงวันที่ล่วงหน้า” รายการนี้ห้ามทึกทักเอาเองว่าเป็นเงินสด เพราะผู้รับเช็คยังขึ้นเงินไม่ได้ ปัจจุบันยังถือเป็น “ลูกหนี้” ของกิจการอยู่
และสุดท้ายคำว่า “เช็คเด้ง” ชื่อนี้ไม่เป็นมงคลเอามากๆ มันหมายถึง เช็คที่ถึงกำหนดชำระแล้วแต่พอเอาไปขึ้นเงินดันไม่มีเงินในบัญชีเพียงพอให้จ่าย แทนที่จะรับรู้เป็น “เงินสด” ก็เลยต้องเด้งกลับไปเป็น “ลูกหนี้” เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ คนรับเช็คอย่างเราต้องไปตามทวงเงินจากเจ้าของเช็คใหม่ หรือฟ้องร้องดำเนินคดีกันไปตามระเบียบ
2. เงิน OD
เงิน OD ย่อมาจาก Over Draft เป็นสินเชื่อที่ธุรกิจได้รับจากธนาคาร แบบให้เบิกเงินเกินบัญชีออกมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจก่อน ส่วนมากจะเกิดจากการสั่งจ่ายเช็คออกไป เช่น มีเงินในบัญชีกระแสเงินสดอยู่ 1 ล้าน และสั่งจ่ายเช็คออกไป 3 ล้าน แปลว่ายอดเงินสดในบัญชีนี้จะติดเครดิตอยู่ 2 ล้าน เงินจำนวนนี้เราจะเรียกว่า “เงิน OD”
ข้อสังเกต เรื่องเงิน OD เราต้องดูว่าลูกค้ามีสัญญาหักกลบกันแบบอัตโนมัติไหม
โดยทั่วไป ถ้าไม่ได้ทำสัญญาหักกลบเงินเบิกเกินบัญชีกับบัญชีออมทรัพย์อื่นๆ ไว้ยอดเงิน OD เราต้องแสดงแยกต่างหากในงบการเงิน เป็น “หนี้สินระยะสั้น” แต่ถ้ามีสัญญาหักกลบระหว่างกันแบบอัตโนมัติจากบัญชีอื่นที่เป็นบวก โดยเจ้าของกิจการไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยส่วนที่ติดเครดิตตรงนี้ รายการนี้อาจนำมารวมกับเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดได้ ซึ่งเราจะพบไม่บ่อยนัก
3. เงินฝากประจำ
เงินฝากประจำ เป็นเงินฝากที่เราสัญญากับธนาคารไว้ว่าไม่ถอนออกไปจนกว่าจะครบกำหนด เช่น 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน และสิ่งที่เราจะได้จากธนาคารเป็นผลตอบแทนคือ ดอกเบี้ย (อันน้อยนิด) หลังจากครบอายุเงินฝากแล้ว
เมื่อเงินฝากประจำมีระยะเวลาการฝากมาเกี่ยวข้อง มันจึงไม่จัดเป็น “เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด” ทุกๆ บัญชีไป
เราต้องดูระยะเวลาการฝากเงิน ประกอบกับเจตนาของเจ้าของเงินด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- ฝากประจำ ไม่เกิน 3 เดือน = รายการเทียบเท่าเงินสด ถ้าคิดว่าจะฝากไว้เพื่อรอจ่ายในเวลาอันใกล้
- ฝากประจำ ไม่เกิน 3 เดือน แต่อยากต่ออายุไปเรื่อยๆ = เงินลงทุน เพราะเจ้าของเงินไม่ได้คิดจะเอาไว้ใช้จ่าย แต่เป็นเพื่อลงทุน
- ฝากประจำ 3 เดือน – 12 เดือน = เงินลงทุนชั่วคราว
- ฝากประจำนานกว่า 12 เดือน = เงินลงทุนระยะยาว
4. เงินฝากติดภาระ
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเงินฝากเหมือนกัน แต่ข้อแตกต่างของมัน คือ มันมีภาระค้ำประกัน ทำให้เราไม่สามารถถอนออกมาใช้ได้ง่ายๆ เหมือนเงินฝากทั่วไป เพราะถ้าถอนออกมาใช้แล้วจะผิดเงื่อนไขกับธนาคารหรือบุคคลที่ 3 ไปโดยปริยาย
ตัวอย่างเช่น เงินฝากค้ำประกันสัญญาเงินกู้ เงินฝากค้ำประกันการออก LG
เงินฝากจำพวกนี้จะแสดงเป็นสินทรัพย์อื่นในงบการเงิน แบ่งตามช่วงเวลาของข้อจำกัด เช่น
- เงินฝากติดภาระไม่เกิน 12 เดือน = สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น
- เงินฝากติดภาระนานกว่า 12 เดือน = สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น
โดยสรุปแล้ว ทั้ง 4 คำนี้ แม้เป็นคำสั้นๆ แต่ไม่ใช่ทุกคำที่จัดเป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดตามหลักการบัญชี ฉะนั้น อย่าลืมวิเคราะห์กันดีๆ ก่อนตัดสินใจนะคะ
4 ขั้นตอนในการวิเคราะห์กระแสเงินสด การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการวิเคราะห์งบการเงินที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง นอกเหนือจากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน หรือว่าการวิเคราะห์งบโดยวิธีแนวนอน วิธีแนวโน้ม วิธีแนวตั้ง หรือวิเคราะห์ร้อยละของยอดรวม
อบรมบัญชีเก็บชั่วโมง CPD ออนไลน์ง่ายๆ ได้ที่บ้าน
สอบถามได้ที่นี่ Line: @cpdacademy หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y