ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ต้องเผชิญสภาวะกดดันอยู่แล้ว มากน้อยก็ตามไปตามรูปแบบและขอบข่ายการรับผิดชอบ ซึ่งไม่สามารถนำแต่ละตำแหน่งมาเปรียบเทียบกันได้ว่า ใครกดดันมากกว่ากัน และไม่สามารถตัดสินได้ว่าอาชีพไหนจะดีไปกว่ากัน เพียงเพราะได้ยินจากเรื่องเล่ากันมา
ซึ่งงานบัญชีเอง ได้รับภาวะกดดันทั้งตัวเนื้องาน และบุคลากรในองค์กร ซึ่งการกดดัน เกิดได้ทั้งจากจำนวนงาน การทำงานร่วมกับคนอื่น รวมไปถึงเรื่องความเข้าอกเข้าใจที่ค่อนข้างน้อย จึงส่งผลให้ต้องเกิดการแบกรับความกดดันนี้ไว้นั่นเอง
1.จัดระบบงานส่วนตัวเพื่อลดความกดดันจากงาน
อาจจะปรับตัวได้ด้วยการวางแผนทำงานใหม่ด้วยวิธีที่ทำได้ด้วยตัวเอง อย่างง่าย คือ การจัดลำดับการทำงานทำในส่วนที่สำคัญ และเร่งรีบก่อน เพื่อให้เคลียร์ส่วนที่เป็นงานด่วนออกไปให้หมด งานที่สามารถใช้ระยะเวลารอได้ ขยับช่วงปฏิบัติงานออกไปก่อนเพื่อให้สามรถควบคุมการทำงานในแต่ละวันของตนเองได้
2.สื่อสารให้ดี วางระบบให้ชัดเจน
ในส่วนที่ยากอีกอย่าง และส่งผลทั้งความกดดันและสุขภาพใจนั่นคือ ความที่บุคคลากรในองค์กรไม่เข้าใจเรื่องการทำงานของฝ่ายบัญชี ซึ่งก่อให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาด และความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ตัวอย่าง เช่น ในกรณีที่ต้องทำการเบิกจ่ายเงินตามรอบบิล บางคนไม่เข้าใจระบบขององค์กร ก็เกิดการทวงถาม ต่อว่า และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยากจนเกินไป ต้องการเงินเดี๋ยวนี้เท่านั้น ก็ส่งผลให้เข้าใจการทำงานบัญชีผิดก็เป็นได้ ทางที่ดีควรอธิบายเรื่องกฎระเบียบและระบบการทำงานอย่างชัดเจน เพื่อให้บุคลากรทุกคนในองค์กรเข้าใจทิศทางเดียวกัน รวมไปถึงบัญชีเองก็ต้องคอยรักษาระยะเวลา ทำตามกำหนดการที่ได้ทำการแจ้งเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันการทวงถามซ้ำ หรือการต่อว่า ก็จะลดการเกิดภาวะกดดันในหน้าที่ได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือขององค์กรเป็นหลัก